วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

58. เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ สร้างวาระไหนดีที่สุด

เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ สายวัง สร้างวาระไหนดีที่สุด

พระกริ่งปวเรศ  ที่ผู้เขียนรวบรวมพบทั้งหมด ณ ขณะนี้มีทั้งหมดสร้าง 6 ยุค ตั้งแต่ พ.ศ.2382 - พ.ศ. 2434  ถ้าหากตั้งคำถามว่า "เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ (สายวัง) สร้างวาระไหนดีที่สุด"  ขอแยกรายละเอียดดังนี้

1. พระกริ่งปวเรศที่สร้างของแท้ก็คือของแท้ไม่สามารถที่จะสร้างเพิ่มขึ้นได้ (ยกเว้นของเก๊) 
     -  จำนวนการสร้างจำกัดด้วยจำนวนที่แน่นอน
     -   พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เป็นพิมพ์ที่สร้างมากที่สุด
     -   พระกริ่งปวเรศ  พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข โลหะธาตุที่สร้างมี (เนื้อทอง  เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ)
     -   และ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เริ่มสร้างปี พ.ศ. 2394  พัฒนาแม่พิมพ์เ่ก่าจนกระทั่งมีรูปทรงและโลหะที่งดงาม หล่อเป็นองค์พระกริ่งฯพิมพ์หน้าตาและรูปร่างคล้ายกันมากในยุคของรัชกาลที่ 4 พ.ศ.2394 ถึง ยุครัชกาลที่ 5 พ.ศ.2434 รวมระยะเวลายาวนานถึง 41 ปี

2. พระกริ่งปวเรศ เมื่อจำกัดด้วยจำนวนการสร้าง(ของแท้)  ขอให้พบของจริงแท้สักองค์มีเงิน  มั่นใจศรัทธา  พระฯจะเลือกอยู่กับผู้ครอบครองไม่ใช่มีเงินก็จะซื้อหาได้  อยู่ที่ความเชื่อศรัทธา  ผู้เขียนมั่นใจว่ามีหลายต่อหลายท่านได้ครอบครองไปในราคาหลักร้อยและหลักพัน  ทำไมถึงราคาถูก  จะไม่ถูกได้อย่างไร  เซียนตำรามั่วแต่ยึดตำราที่ไม่มีตัวตน  พระฯออกสู่ตลาดมากที่สุดนับเวลาเกือบ 30 ปี  ตำราไม่ได้เขียนเอาไว้จึงไม่มีเซียนเล่นหา  ผู้เขียนได้พบปะพูดคุยกับบุคคลหลายๆกลุ่ม  ทำให้ทราบว่ามีบางกลุ่มค่อยๆเก็บเงียบมาหลายปี  ได้พระกริ่งปวเรศ สายวัง ไปครอบครองจำนวนหนึ่งในราคาถูกแสนถูกให้เป็นที่อิจฉา  จากเริ่มแรกที่ผู้เขียนพบและมีผู้เก็บสะสมจากหลักร้อย  ค่อยๆ ขยับขึ้นเป็นหลักพัน  หลักหมื่น และมีผู้ซื้อโทรมาคุยผู้เขียนได้ซื้อพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไปที่เลข 6 หลักเมื่อปีที่แล้ว(พ.ศ.2553)  และสุดท้ายมีผู้ขายท่านหนึ่งคุยกับผู้เขียนได้ขายพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไปสูงถึงเกือบ 8 หลัก  ดังนั้นราคาการซื้อขายอยู่ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายจะมีกำลังทรัพย์มากมีความศรัทธาก็จะเช่าซื้อในราคาที่สูง  หากผู้ซื้อมีทรัพย์น้อยโชคดีก็ได้ราคาที่ไม่สูง  ซึ่งราคาไม่สูงเกิดจากเซียนตำราทั้งสิ้น  ทำให้ตลาดไม่รู้จักจึงเป็นโอกาสของผู้เชื่อและศรัทธา  ผู้เขียนมั่นใจว่าราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนอนาคตอันใกล้นี้จะไม่มีราคานี้ในท้องตลาดอีกต่อไป  เนื่องจากพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 เฉพาะของแท้กำลังจะหมดไปจากตลาดโดยสิ้นเชิง  ใครได้ครอบครองไว้ต่างก็หวง ราคาที่เหมาะสมจะขยับมาอยู่ที่เลข 7 หลัก สูงสุดราคาอยู่ที่ 8 หลักเหมือนเดิม

3. พระกริ่งปวเรศ สายวัง โดยเฉพาะพิมพ์สมบูรณ์พูนสุข สร้างไล่มารวมยาวนานถึง 41 ปี  ตัวของผู้เขียนเองนั้นวิเคราะห์ด้วยแนวคิดง่ายๆ รุ่นไหน พ.ศ.ไหนน่าสะสมมากที่สุดดังต่อไปนี้
         พระกริ่งปวเรศ แต่ละรุ่น ที่ผู้เขียนพบ โดยเฉพาะ วาระที่สร้างใน พ.ศ.และวาระต่างๆกัน มีพุทธนุภาพที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งเม็ดกริ่งที่บรรจุอยู่ภายในฐานองค์พระกริ่งปวเรศบางรุ่น เป็นเม็ดกริ่งเหล็กไหล  ซึ่งคนในสมัยโบราณเสาะแสวงเล่นหากัน  ที่เคยมีบันทึกราคาซื้อขายเหล็กไหลสูงถึงนับ 100 ล้านบาทในอดีต  เนื้อหามวลสารของโลหะธาตุที่พัฒนาจากการสร้าง พ.ศ. แรกๆถึง พ.ศ.2434 ปรับสูตรส่วนผสมการสร้างพัฒนาแตกต่างกันไป บางรุ่นบางวาระเป็นโลหะธาตุชนิดพิเศษ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข และพิมพ์อื่นๆ น่าสะสมหรือไม่  ผู้เขียนตอบว่าดีทุก พ.ศ. ทุกวาระ  
--- แต่ที่สุดยอดในมุมมองการวิเคราะห์ของผู้เขียนหนึ่งในดวงใจต้องยกให้ พระกริ่งปวเรศ รุ่นญาณต้น พ.ศ.2382 
--- รองลงมาเป็นพระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2404 
--- และตามาด้วยพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข สร้างวาระ พ.ศ. 2394, 2397, 2398, 2410 และ พ.ศ.2411
--- ส่วนพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไม่ทันเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆัง(สมเด็จโต) ผู้เขียนให้ความสำคัญสุดท้าย

1. พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 หรือ พระกริ่งประจำรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2404

พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พ.ศ. 2404


2. พระกริ่งปเรศ พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุข สร้าง พ.ศ. 2411 ในวาระ รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ 

พระกริ่งปวเรศ พ.ศ. 2411พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุข ก้นทองแดง บุแผ่นเงิน  ประทับอักขระยันต์
พระกริ่งปวเรศ  พ.ศ. 2394 พิมพ์พิเศษ จารึก "ปวเรศ"


 พระกริ่งปวเรศ รุ่นฌาณต้น พ.ศ. 2382


 พระกริ่งปวเรศ รุ่นฌาณต้น พ.ศ. 2382


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2394
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2397 
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2398



วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

57. พระกริ่งปวเรศ พ.ศ. 2409

พระกริ่งปวเรศ  พ.ศ. 2409 หน้าต่างเป็นเช่นไร

ผู้เขียนสืบค้นพระกริ่งปวเรศ   พ.ศ.2409 จนกระทั่งพบ  จึงได้นำขึ้นบล๊อกฯเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชมในพระกริ่งปวเรศ  ได้รับทราบ  หากใครมีนับว่าโชคดี  พระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2409 ที่พบประกอบด้วย 2 พิมพ์ด้วยกัน  สร้างในวาระที่ ร.5 ทรงบวชเณร

พระกริ่งปวเรศ   พ.ศ.2409 สร้างถวาย ร.5 (บวชเณร) และถวาย ร.4

จากภาพเป็นรูปพระกริ่งปวเรศ   จำนวน 4 องค์ สร้างในวาระ พ.ศ. 2409 จำนวน 2 องค์ และสร้างในวาระ พ.ศ.2416 อีกจำนวน 2 องค์
พระกริ่งวัดสุทัศน์ 4 องค์
และพระกริ่งฯสร้างสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีก 1 องค์
รวม 9 องค์

เอื้อเฟื้อภาพโดย พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง  มรดกต้นตระกูล  แสงรื่น.รมย์


 

รูป พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พ.ศ.2409 ทั้ง 3 รูปเป็นพระกริ่งองค์เดียวกัน  ที่แตกต่างคือการปรับสีของภาพ เพื่อให้มองเห็นองค์จริงมีวรรณะสีผิวและรายละเอียดหน้าตา ทรวงทรงขององค์พระกริ่งฯเป็นเช่นไร

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

56. ชันโรงอุดพระกริ่งปวเรศ พิมพ์ สมบูรณ์ พูนสุข

พระ กริ่งปวเรศ พ.ศ.2411 พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุบ หลอมหล่อเสร็จพบบางองค์โลหะธาตุที่หล่อองค์พระไม่สมบูรณ์ ช่างฯได้ใช้ชันโรง อุดซ่อมตบแต่งพระกริ่งปวเรศ   พิมพ์สมบูรณ์ฺ พูนสุข ดังรูป


โบราณาจารย์นิยมนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง หรืออุดปรอทในเบี้ยแก้ เบี้ยจั่น เนื่องจากคติความเชื่อว่าชันโรงเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้วัตถุที่ลงอาคม เช่น เม็ดกริ่ง กระดาษสาเขียนยันต์ ผงใบลาน พระคาถา ที่คณาจารย์ทำพิธีและบรรจุไว้ในพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ตลอดจนวัตถุมงคลอื่นๆ หลุดออกไปจากวัตถุมงคล 


การทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นวัตถุมงคลนั้นถือ ว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ผู้ทำจะต้องทรงวิทยาคุณแก่กล้า และรู้จักวิธีการ “หา” ชันโรง ที่นิยมใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณจะเป็นชันโรงใต้พื้นดิน โดยจะต้องเริ่มสังเกตโพรงบนพื้นดินที่ยื่นขึ้นมาเป็นรูปกรวย ซึ่งตรงกลางจะกลวง กรวยดินนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในละแวกเดียวกันหลายกรวย ซึ่งก็คือทางเข้าออกของตัวชันโรงที่อยู่ใต้ดิน ให้สังเกตบริเวณใกล้ๆ กันนั้นมักจะมีจอมปลวกขึ้นอยู่ด้วย เมื่อพบแล้วต้องทำพิธีกรรมตามตำรา แล้วขุดลงไป บางทีต้องขุดลึกถึง 1-2 เมตร จึงจะได้ชันโรงตามที่ต้องการ ส่วนชันโรงอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำวัตถุอาถรรพ์ ก็คือ ชันโรงที่พบในโพรงไม้ที่ยืนตายซาก โบราณท่านว่าดีนักแล

55. อักขระยันต์และลายมือการจารก้น

รอยจารก้นพระกริ่งองค์นี้พบจากในเว็บฯ  จึงนำมาฝากให้ได้ชมกัน

รอยจารด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ บอกได้แต่เพียงว่าระวังอันตราย เพราะรอยจารที่เห็นเป็นการเขียนขึ้นจากปากกาไฟฟ้าที่นิยมนำมาเขียนชื่อบน เครื่องมือวิทยุสื่อสาร

ก้นพระกริ่งองค์นี้เป็นรอยจารใหม่ การจารยันต์ 3 ยอดหน้าตาแบบนี้ผมยังไม่เคยเห็นในพระกริ่งปวเรศ สายวัง และองค์นี้ไม่ได้เห็นของจริงไม่ขอออกความเห็นใดๆ 


การนำพระกริ่งปวเรศ ไปจาร ณ วันนี้เป็นรอยจารใหม่  แต่ถ้าผ่านไป 20 ปี ก็จะเป็นรอยจารเก่า  ดังนั้นคนที่สะสมต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ของจริง  ไม่ใช่เรียนรู้จากเซียนตำราที่เก่งแต่ตำราพระกริ่งปวเรศฯของจริงยังไม่เคยสัมผัสแม้นแต่องค์เดียว

54. พระเปียกทอง กะไหล่ทอง ชุบทอง เป็นอย่างไร



เปียกทองของแท้มีวรรณะสีผิวเป็นเช่นไร? จากรูปพระสิวลี องค์นี้เป็นพระประเภทที่เรียกว่าเปียกทองคำ หรือ ชุบทองคำ หรือ กะไหล่ทอง องค์นี้เป็นพระสิวลี พ.ศ.2411 วรรณะ 143 ปีองค์เดิมๆมองดูแล้วไม่น่าสนใจ มองยังไงก็ไม่เห็นเหมือนทอง อีกทั้งมีรอยแตกลายงาเห็นเนื้อในเป็นสีเลือดหมูอีกต่างหาก มองๆแล้วยังกับสีพลาสติก อันที่จริงแล้วช่างหลวง ได้ใช้เทคนิคการเคลือบสีลงบนโลหะ ซึ่งภาษาสามัญเรียกกันว่า “แบบหน้าแป้ง” ศิลปะแบบนี้ได้ส่งอิทธิพลทางศิลปะเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 3 สืบสานฝีมือต่อถึงสมัยรัชกาลที่ 4 พระสิวลีองค์นี้ภายในเนื้อกลวงจึงมีน้ำหนักเบา มองผ่านๆคิดว่าเป็นพระพลาสติกสมัยใหม่ ใช้น้ำยาขัดโลหะ wenol ขัดจะเห็นสีผิวเนื้อเปียกทองคำ(ชุบทองคำ)ดังรูป ขัดนานไปหน่อยบริเวณหน้าอกองค์พระสิวลีทองหายไปบางส่วน ทำให้เห็นเนื้อรักที่ทาทับผิวโลหะ(สีเทา) ใต้ฐานองค์พระได้อุดด้วยเนื้อเซรามิก และมีพระธาตุ 8 องค์วางไว้รอบฐาน ตรงกลางมีลูกแก้ว 1 ลูก

*** ล่าสุดเมื่อวานนี้ 18 มิถุนายน พ.ศ.2554 ผู้เขียนได้พบ  พระสิวลี พ.ศ.2411 พิมพ์และขนาดดังรูปที่แสดงมีของปลอมทำเรียนแบบ***

หลวงพ่อเงินเนื้อเปียกทององค์นี้พบในเว็บ เป็นพระที่ผ่านการเกาแต่งก่อนที่จะทำการชุบทองคำ จึงเก็บมารวบรวมประดับเป็นความรู้ ให้มองเห็บภาพของเนื้อเปียกทองเป็นเช่นไร

53. พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า

พระกริ่ง เป็น พระปฏิมาพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์นี้เป็นที่นิยมนับถือของปวงพุทธศาสนิกชน ฝ่ายลิทธิมหายาน ยิ่งนัก ปรากฏพระประวัติมาในพระสูตรสันสกฤตสูตรหนึ่ง คือ "พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชามูลประณิธานสูตร" แปลเป็นภาษาจีนในราวพุทธศตวรรษที่ 10 "พระกริ่ง" นั้นเป็นพระเครื่องที่ได้แบบมาจากทิเบต หมายถึงพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ ทรงเป็นครูในด้านเภสัช คือ การรักษาพยาบาล จึงนิยมใช้อธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินเชื่อว่ารักษาโรค ภัยไข้เจ็บแม้แต่อหิวาตกโรคในอดีตก็เคยรักษาได้

52. แอบอ้างลิขสิทธิ์


นำรูปจากในบล๊อกนี้แอบอ้างลิขสิทธิ์ว่าเป็น "ลิขสิทธิ์ของตนเอง" เป็นคนที่ไม่มีความละอายใจ เพราะเป็นเจ้าของพระกริ่งปวเรศทองคำ เก๊ ปลอมเรียนแบบ ที่ระบายออกมา องค์นี้ 

เก๊ ปลอม ให้เปรียบเทียบจากพระกริงปวเรศเนื้อทองคำ(แต่ง) พ.ศ. 2434 เฉพาะก้นฐานพระกริ่งฯ ขอบรอบๆ ขององค์จริงไม่ได้บางๆ เหมือนของเก๊ และยังมีใยสำลีทองคำอีก ฮาจริงๆ

51. พระกริ่งบัวรอบ

กริ่งนายควง อภัยวงศ์ ปี 2488 จัดสร้างโดยนายควง อภัยวงศ์ นายยกรัฐมนตรีในขณะนั้น 
  • ถอดแบบมาจากกริ่งบัวรอบ สุจิตโตปี 2487 .....ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช(ชื่น) วัดบวรนิเวศวิหาร 
  • พระกริ่งนายควง สร้างปี 2488 .....โดย นายควง อภัยวงค์ ซึ่งดำรงค์ตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในยุคนั้น ได้อาราธนาเจ้าคุณศรี (สนธ์) มาเป็นเจ้าพิธี เมื่อปี 2488 
  • แบ่งเป็น 2 ชุด คือ 1.ชุดที่เททองที่หน้ารัฐสภา วรรณะออกเหลืองแดง ผิวสีน้ำตาลอ่อน อุดกริ่งที่สะโพก..... โดยท่านเจ้าคุณศรีสนธ์ ได้ทำพิธีเทหล่อพระให้ นายควง อภัยวงศ์ แล้ว ท่านฯ ได้สร้างเป็นการส่วนตัวอีกจำนวนไม่มากประมาณ 50 องค์ นำกลับวัดสุทัศน์ เพื่อแจกจ่ายให้ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นชุดที่ท่านเจ้าคุณศรีสนธ์ สร้างเป็นการส่วนตัว และได้ลงเหล็กจารไว้ที่ใต้ฐาน
  • พระกริ่งฯในรูป เป็นพระกริ่ง บัวรอบ พ.ศ.2488 ชุดที่ 2 เททองที่วัดสุทัศน์ วรรณะออกเหลืองขาว ตามสูตรวัดสุทัศน์ ชุดนี้กริ่งอุดก้น ราคาถูกกว่าจากชุดแรกหลายเท่าตัว

กริ่งบัวรอบ สุจิตโตปี 2487 ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช(ชื่น) วัดบวรฯ พระกริ่งบัวรอบ สุจิตโต ปี 2487 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์มีพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พระชันษา พระองค์เจ้าภาณุพันธุยุคลได้ทรงจัดหล่อพระกริ่งขึ้นเป็นที่ระรึกในงานบำเพ็ญ พระกุศลฉลองพระชนมายุ ได้ทรงจัดหล่อที่หน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 29 ตุลาคม ตั้งพิธีสวดพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ จำนวนที่หล่อประมาณ 300 องค์ ในจำนวนนี้มีพระเเต่งรวมอยู่ด้วย

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ หน้าผากหมุดทองคำ พ.ศ. 2434 เป็นพระกริ่งที่อธิฐานจิตโดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2434 พระกริ่งบัวรอบองค์นี้เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2434
  • จากรูปบริเวณของผิวพระจะมีคราบดำๆ เกาะอยู่ทั้งองค์และในในรูรอบๆองค์พระจะเห็นคราบของน้ำมันเกาะจับตัวกันทำ ปฏิกริยากับอากาศคล้ายกับจารบีที่หมดอายุ
  • พระองค์นี้ได้ผ่านการแต่งเพื่อให้งดงาม พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ พ.ศ. 2434 เป็นพิมพ์ที่ พระองค์เจ้าภาณุพันธุยุคล นำมาถอดพิมพ์สร้างเป็นพระกริ่งบัวรอบ พ.ศ.2487 และ พระกริ่งนายควง อภัยวงศ์ พ.ศ.2488 ถอดพิมพ์ของพระกริ่งบัวรอบ พ.ศ. 2487 อีกครั้งหนึ่ง ใครโชคดีพบพระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ พ.ศ.2434 เก็บให้หมดครับไม่ต้องสงสัย
  • ถ้าหากยังสงสัยไม่ยาก...นำพระองค์ฯที่ได้ นั้นไปขอความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ที่มีสมาบัติสูงช่วยสงเคราะห์ตรวจสอบ ให้
  • และไม่ต้องไปอ้างเป็นของปี พ.ศ.2487 หรือ พ.ศ.2488 เพราะมองยังไงก็ไม่ใช่...ให้เซียนดูเขาก็ตีเก๊ทันที ....เพราะผิดรุ่นผิด พ.ศ. นั้นเอง

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ หน้าผากหมุดทองคำ พ.ศ.2434 เป็นพระกริ่งฯที่หล่อด้วยเป้าแม่พิมพ์ประกบ 2 ด้าน คือ ด้านหน้ากับด้านหลัง พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ พ.ศ. 2434 องค์่นี้วรรณะสีผิวภายในเป็นเนื้อนาคแก่ เมื่ออายุผ่านมา 119 ปี สีผิวกลับดำดังรูป ก้นพระกริ่งฯเป็นเนื้อทองแดง องค์นี้มีรอยจารที่ก้น.....รูเล็กๆรอบองค์พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ พ.ศ.2434 องค์นี้ใช้เหล็กปลายแหลมจิ้มในบณะที่เป็นหุ่นก่อนจะทำการหล่อ รูนับได้มากกว่า 1,000 รูป เป็นความมานะอุตสาหะของช่างสิบหมู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 บรรจงสร้างสรรค์พุทธศิลป์ที่งดงามบนองค์พระกริ่งฯ

พระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2434 พิมพ์บัวรอบ มีคนเข้าใจผิดมากมายอ้างอิงเป็นพระกริ่งบัวรอบ พ.ศ.2487 พระกริ่งฯ 2 รุ่นนี้มีหลายๆจุดที่คล้ายกันมากๆ เนื่องจากพระกริ่งปี 2487 นำพระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2434 มาถอดพิมพ์ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์บัวรอบ พ.ศ.2434 ในรูปเป็นพระกริ่งที่ได้ขัดล้างผิวทำให้เห็นสีผิววรรณะภายในสีนาคสวยงาม องค์นี้จารก้น การจารมีจาร 2 แบบๆ ที่เห็นมักจารในองค์ที่ก้นใหญ่ๆ

50. วิชาวัดคืบ

วิชาวัดคืบ เป็นวิชาที่ขออนุเคราะห์จากพระท่าน 
โดยมีวิธีการดังนี้.........
ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ 
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ 
พระธรรม 
และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา 
มีสมเด็จองค์ปฐม และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเป็นที่สุด 
ขอได้โปรดสงเคราะห์ข้าพเจ้า ขออธิฐานตรวจสอบ “พระเครื่องหรือเรื่อง...ที่อยู่มือซ้ายของข้าพเจ้ามีพุทธนุภาพหรือไม่ ถ้ามีขอให้วัดคืบยาว ถ้าไม่มีขอให้วัดคืบสั้น

วิชาวัดคืบนี้ ก่อนที่จะขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ก่อนอื่นตัวผู้ขอ...จะต้องทดสอบหัดวัด คืบหลายๆรอบจนกระทั่งเกิดความชำนาญก่อนในขั้นแรก...พร้อมทั้งจดจำตำแหน่งของ การวัด 2 คืบของตนเองทุกๆครั้งจะอยู่ที่บริเวณใด...แขนและมือของแต่ละคนไม่เท่ากัน... ผู้วัดจะต้องจำตำแหน่งของตนเองให้ได้ว 2 คืบอยู่บริเวณใดในการวัดทุกๆครั้ง...เมื่อขอขออาราธนาบารมีพระฯท่านช่วย สงเคราะห์จะต้องวัดเหมือนเดิมที่เคยวัดทุกๆครั้ง...เพื่อไม่ให้เกิดการมั่ว และอุปทาน...ผู้ขอฯอาจจะอธิฐานจิตครั้งที่ 1 ขอเป็นยาว หรือครั้งที่ 2 ขอให้ได้ผลเป็นสั้น...แต่ถ้าหากเรื่องที่ทำการขออนุเคราะห์ผลที่ได้ไม่สั้น ไม่ยาว...แสดงว่าพระท่านไม่ต้องการให้ทราบผลที่ตั้งจิตอธิฐานสอบถาม...คนที่ มีบารมีสูงการวัดคืบจะได้ยาวมากๆ ส่วนคนที่มีบารมีน้อยการวัดคืบผลที่ได้จะได้ยาวนิดหน่อย...วิชาวัดคืบนี้ทุก คนสามารถทำได้(ผู้ขอบารมีฯจะต้องมีศลี 5 ครบ) ...ข้อสำคัญการขอฯให้พระฯช่วยสงเคราะห์นั้นห้ามขอ...ลักษณะการ ใช้ให้พระฯท่านช่วยทำโน้นทำนี่เพราะการใช้พระเป็นบาปและผลที่ได้จะเป็นอุป ทาน

49. พระคุมกายและพระในกาย

รูปอธิบาย "พระคุมกายและพระในกาย
การอธิบายอะไรในบางครั้งสร้างจินตนาการได้ยาก  แต่ถ้าหากใช้รูปในการอธิบายบางครั้งจะเข้าใจได้ง่าย

48. พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม

รูปพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม

สมเด็จองค์ปฐม ก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรกหรือองค์ที่ 1 เรียกว่า “องค์ปฐม” สมเด็จองค์ปฐมทรงพระ นามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1” แต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้ว อาจจะมีชื่อซ้ำกันก็ได้ โดยเฉพาะ ชื่อนี้มีด้วยกันถึง 5 พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็น “สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1” พระองค์จึงทรงเป็นต้นพระวงศ์ ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์

47. คาถาช่วยทำข้อสอบของปู่พระอินทร์

คาถาช่วยทำข้อสอบของปู่พระอินทร์ เริ่มต้นคว่ำข้อสอบคำถามกับโต๊ะก่อน อย่าเพิ่งเปิดอ่าน จากนั้น 

๑) ตั้งนะโม ๓ จบ 
๒) ตั้งจิตระลึกถึงพระพุทธเจ้า ปู่พระอินทร์ 
๓) เมื่ออยู่ในห้องสอบ ไม่มีธูป เทียน ดอกไม้ จึงตั้งอธิษฐานจิต ขอใช้นิ้วมือทั้ง๑๐ แทนธูป ดวงตาต่างเทียน และใช้หัวใจแทนดอกบัวบูชาปู่พระอินทร์ ขออนุญาตใช้คาถาปู่พระอินทร์เพื่อการสอบครั้งนี้ ขอปู่พระอินทร์ได้โปรดสงเคราะห์ 
๔) ว่าคาถาปู่พระอินทร์ ตัวคาถาว่า...  สะหัสสะเนตโต   เทวินโท   ทิพจักขุง   วิโสทายิ (๙ จบ) 
๕) จากนั้นก็เปิดกระดาษคำถามแล้ว ใช้จิตแรกที่รู้สึกตอบ 

รูปทั้งคู่เป็นรูปท่านปู่พระอินทร์และท่านย่า

45. พระกริ่งหลังไม่มีบัว เนื้อทองเหลืองบุเงิน

พระกริ่งหลังไม่มีบัว เนื้อทองเหลืองจีวรบุเงิน  พระกริ่งฯองค์นี้ยากนักที่ผู้คนจะเชื่อ  สร้างในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชจำนวนการสร้างพิมพ์นี้ ที่สร้างในวาระนี้ มีเพียง 8 องค์  หากท่านใดมีไว้ในครอบครองนำองค์พระกริ่งฯ ขอความเมตตาพระท่านฯสงเคราะห์  แล้วท่านจะทราบว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระจ้าตากสินมหาราชจริงหรือไม่ 


พระกริ่งฯบุเงิน มีขนาดความสูงประมาณ 7 ซม. องค์นี้เป็นเนื้อโลหะประเภททองเหลือง จากการวิเคราะห์ด้วยเครื่องสแกนหาธาตุโลหะต่างๆของมูลสารส่วนผสมของเนื้อพระ กริ่งฯดังตาราง

44. เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

เบี้ยแก้หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บุญฯสร้างบรรจุกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ)

เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ กรุวัดพระแก้ว (ตัวเมียหลังจะโค้งเรียบ) 
  •  เบี้ยแก้ เป็นเครื่องราง...อย่างหนึ่งของไทยที่คุ้นหูในสมัยก่อน แต่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันแล้ว เกจิอาจารย์ท่านสร้างจากการบรรจุปรอท ที่ปลุกเสกแล้ว เข้าไว้ในตัวเบี้ยจั่น แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ ปรอทหนีออกมาข้างนอก 
  • เวลาเขย่าจะได้ยินเสียงปรอทกระฉอกไปมาเสียงดังขลุกๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เสียงหนักเบาขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อยของปรอทที่บรรจุ เสียงขลุกๆของปรอท ยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเบี้ยแก้ตัวที่บรรจุปรอทมาก เขย่าในฤดูร้อน มักไม่ได้ยินเสียง แต่ถ้าเขย่าในฤดูหนาว เสียงจะดังฟังชัดเจน เบี้ยแก้บางตัว มีเสียงขลุกไพเราะ ขลุกหลายจังหวะ มีเสียงหนักเบาสลับกันไป เหมือนนักร้องมีลูกคอหลายชั้น หรือนกเขาเสียงคู่ เสียงเอกที่มีลูกเล่นหลายชั้น 
  • ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวง อุบาทวเหตุ อุบาทวภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอย วิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล 
  • ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล 
  • เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล 
  • ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เกาะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้าก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล

เบี้ยแก้หลวงปูบุญ วัดกลางบางแก้ว ฝีมือช่างสิบหมู่ของวังหน้า ฝีมือการรีดแผ่นเงินแนบสนิทแม้นกระทั้งรอยต่อของเบี้ยที่เป็นตะแขบก็รีดได้สวยงาม
เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว (กรุวัดพระแก้ว) ภาพที่เห็นเป็นภาพท้องด้านล่างของเบี้ยแก้หลังโค้งเรียบ เบี้ยประเภทนี้เป็นเบี้ยตัวเมียหุ้มแผ่นเงิน

เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว (กรุวัดพระแก้ว) เป็นเบี้ยตัวเมียหลังโค้งมนเรียบ  หุ้มด้วยแผ่นเนื้อนาค
เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว (กรุวัดพระแก้ว)  ตัวนี้จะเห็นลูกศรสีชมพูมีรอยแตกระเบิดของแผ่นหุ้มเนื้อนาค คุณสมบัติของแผ่นหุ้มเนื้อนาคมีการยืดขยายตัวได้ แต่ที่เห็นในรูปเป็นการระเบิดฉีกขาด ลูกศรสีน้ำเงินจะเห็นแผ่นนาคที่หุ้มเหมือนกับเกิดการเดือนและพองตัวเกิดขึ้น
เบี้ยแก้วังหน้าด้านท้อง จะเห็นแผ่นหุ้มเนื้อนาคบริเวณตะแขบรอยต่อเหมือนกับเกิดการเดือนและพองตัวจนแตกฉีกออกจากกัน
เบี้ยแก้วังหน้าแผ่นหุ้มเนื้อนาค จากรูปลูกศรชี้  รูปนี้จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจน เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2553 ภรรยาของผู้เขียนได้พกติดตัวไปโน้มมานี้ทุกวัน  เบี้ยแก้งานเข้าดังรูปที่เห็น ได้รับพุทธนุภาพจากเบี้ยแก้ช่วย

เบี้ยแก้บุทองคำหาอยู่นาน  วันนี้(12-07-2554) ได้มา  จึงนำมาให้ได้ชมกันครับ  มีทั้งตัวเล็กที่หายาก และตัวใหญ่

43. หลวงพ่อเงิน พิมพ์มือรองเฉียง

หลวงพ่อเงิน พิมพ์มือรองเฉียง อธิฐานจิต พ.ศ2408 ลงชาดปิดทอง กรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นพระ หลวงพ่อเงินท่านอธิฐานจิตที่กรุงเทพในสมัย ร.4 พ.ศ.2408 มีส่วนผสมของเนื้อทองคำโบราณ และให้อาจารย์ของท่านคือท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โต ท่านอธิฐาน
หลวงพ่อเงินองค์นี้ เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ศักดิ์ ได้ผ่านการวิเคราะห์ตรวจสอบสแกนหาองค์ประกอบของแร่โลหะดังละเอียด

หลวงพ่อเงินสัมฤทธิ์ศักดิ์3

สัมฤทธิ์ศักดิ์ คือสัมฤทธิ์ขาว หรือสัตตโลหะ

เป็น มงคลนามหมายถึง โพชฌงค์ ๗ คือ องค์ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ มี ๗ ประการ ได้แก่ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปิติ ปัสสัทธิ สมาธิ และอุเบกขา

สัมฤทธิ์ศักดิ์เป็นทองสัมฤทธิ์เนื้อเจ็ดคือมีโลหะธาตุผสม 7 ชนิด ประกอบด้วย ทองแดง สังกะสี ดีบุก ทองคำ ตะกั่ว เหล็ก และ เงิน

สัมฤทธิ์ตระกูลนี้มีวรรณะหม่นคล้ำน้อยๆ แต่มีแวววรรณะขาวผสมผสานอยู่ นับถือกันว่าอำนวยผลในด้านอำนาจ มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด

ส่วนแร่กำมะถัน ที่พบในโลหะธาตุเกิดจากการผสมในเบ้าหลอมหล่อโลหะเพื่อเร่งอุณหภูมิให้สูงขึ้น

แร่มักกานิส กับนิเกล มักจะพบปนกับสายแร่ทางภาคเหนือของประเทศหลายๆชนิด

42. พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างวาระ ร.4 ครองสิริราชย์สมบัติ

พระสมเด็จเนื้องทองคำองค์นี้  พระเบื้องบนได้ปิดพิธีพุทธาพิเษกเอาไว้ในครั้งแรก  ไม่ว่าใครตรวจด้วยวิธีใดจะพบว่าพระสมเด็็จเนื้อทองคำองค์นี้ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 5 ครบรอบอายุ 39 ปี พ.ศ.2435 และเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 24 ปี 


ภายหลังเมื่อถึงวาระฯพระเบื้องบนเปิด...  จึงทำให้ทราบว่าพระสมเด็จเนื้อทองคำองค์นี้สร้างอธิษฐานจิตครั้งแรกในวาระ พ.ศ.2394 ในสมัยที่ ร.4 ขึ้นครองราชสมบัติ  และอธิษฐานโดยสมเด็จพุฒจารย์โต วัดระฆัง


รูปด้านหน้าให้แสงต่างกัน น้ำหนักองค์พระ 15.14 กรัม ทองคำ 78.151 % เงิน 10.471 % ทองแดง 11.376 %

พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 4 เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติ  รูปด้านหลังให้แสงต่างกัน
พระสมเด็็จเนื้อทองคำ
 คงกะพัน, ชาตรี, มหาอุด, แคล้วคลาด, มหาอำนาจ, หนุนดวง, ขับไล่วิญญาณ, เมตตา, เสน่ห์ธรรมดาที่ใครเห็นก็รู้สึกชอบ, โชคลาภ, โภคทรัพย์, ดูดทรัพย์, ป้องกันอาถรรพ์ มนต์ดำ ยาสั่ง, กันนิวเคลียร์ อาวุธเคมี, ช่วยเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน, สารพัดนึก, ทำน้ำมนต์ รักษาโรค, สิ่งที่เป็นอัปมงคล คุณไสยอวิชา คุณผี คุณคน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ รักษาโรคระบาด ภัยพิบัติจากรังสีของอาวุธศาตราทั้งปวง และได้รับพระเมตตาจากสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อธิฐานจิต พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ  เสน่ห์อันเป็นที่รักของ 3 ภูมิ คือ เทวดา โลกมนุษย์ และโลกทิพย์, ทำน้ำมนต์รักษาโรคเวร โรคกรรมจากหนักเป็นเบา ฯลฯ
พระสมเด็็จเนื้อทองคำ สร้างในโอกาส รัชกาลที่ 4 พ.ศ.2394 เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติ รูปพระสมเด็จเนื้องทองคำด้านข้างให้แสงต่างกัน เทวดาผู้ดูแลรักษาองค์พระฯ…เทวดาชั้นมายา.