วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พระสมเด็จสองหน้า พิมพ์พิเศษ

ชื่อ: พระสมเด็จ 2 หน้า พิมพ์พิเศษ วัดระฆัง
ผู้อธิษฐานจิต: สมเด็จฯ โต วัดระฆัง
สร้าง: พ.ศ.2410 
     ผมเคยเห็นหลายๆท่าน นำพระสมเด็จประกบหลังรวมกันใส่ในตลับพระสมเด็จ... ถ้าหากมีพิมพ์นี้ไม่ต้องประกบและในเวลาที่สวมสร้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะใส่พระกลับด้าน สบายกว่ากันเยอะ  พลานุภาพขององค์พระสมเด็จ 2 หน้า วัดระฆังรุ่นนี้กล่าวได้ว่าเป็นพิมพ์พิเศษ ย่อมมีดีที่พิเศษกว่าพิมพ์ปกติทั่วๆไป

พระสมเด็จสองหน้า วัดระฆัง พิมพ์พิเศษ พ.ศ.2410

พระสมเด็จ 2 หน้า วัดระฆัง พิมพ์พิเศษ พ.ศ.2410


พระสมเด็จวัดระฆัง กลีบบัว

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์
กลีบบัว รูปเหมือนพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ถือหม้อยา
มีขนาดสูงประมาณ 3 เซนติเมตร
พระสมเด็จ กลีบบัว วัดระฆัง พ.ศ.2406
 พระ...องค์นี้ปลายนิ้วมือขวา มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จอยู่ 1 องค์

 แสดงรูปด้านข้าง  และฐานขององค์พระพิมพ์กลีบบัว พ.ศ.2406

ผู้อธิษฐานจิต: สมเด็จฯ โต วัดระฆัง
สร้าง: พ.ศ.2406
มวลสาร: เนื้อผงสมเด็จฯโต วัดระฆัง
พลานุภาพ: ลาภผลพูนทวี 
          เด่น: โภคทรัยพ์  รักษาป้องกันฯ เมตตามหานิยม  คงกระพันชาตรี ฯลฯ

รูปเหมือนพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า 
ปณิธาน 12 ข้อของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า:
  1. ช่วยให้สรรพสัตว์บรรลุโพธิญาณโดยเร็ว
  2. ช่วยให้สรรพสัตว์ตื่นจากความโง่เขลา
  3. ช่วยให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมด้วยของใช้ทั้งปวง
  4. ช่วยให้สรรพสัตว์หันมานับถือมหายานธรรม มุ่งสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า
  5. ช่วยให้สรรพสัตว์มีศีลบริสุทธิ์
  6. ช่วยให้สรรพสัตว์มีกายสมบูรณ์
  7. ช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจน
  8. ช่วยให้สตรีได้เป็นบุรุษตามปรารถนา
  9. ช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากอุบายของมาร
  10. ช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากโทษทัณฑ์ทางอาญา
  11. ช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากการทำชั่วเพื่อเลี้ยงชีพ
  12. ช่วยให้สรรพสัตว์พบกับความสมบูรณ์ทั้งสิ้น

รูปลักษณ์:  ท่านั่งสมาธิ มีกระปุกยาวางบนพระหัตถ์ซ้าย ถือกันว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่สามารถรักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสัตว์โลก  ประทับอยู่บนฐานโต๊ะกลีบบัว 7 กลีบ คล้ายกับพระกริ่งที่มี 7 กลีบเช่นกัน
พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า นั่งขัดสมาธิ มือซ้ายถือหม้อยา อยู่บนโต๊ะฐานดอกบัว พิมพ์ทรงกลีบบัว


*** ใครที่ชื่นชอบพระกริ่งสายวัง...หรือ ที่รู้จักเรียกชื่อในวงกว้าง "พระกริ่งปวเรศ" หากไม่มีพระพิมพ์กลีบบัวเนื้อผง รูปเหมือนพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พิมพ์นี้ ก็เหมือนขาด...ไปอย่างหนึ่งครับผม














พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์แหวกม่าน

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ 
เจดีย์แหวกม่าน พ.ศ.2406
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ เจดีย์แหวกม่าน พ.ศ.2406

พิมพ์ เจดีย์แหวกม่าน พระสมเด็จวัดระฆัง พ.ศ.2406

เจดีย์แหวกม่าน พระสมเด็จวัดระฆัง พ.ศ.2406

เจดีย์แหวกม่าน พระสมเด็จวัดระฆัง พ.ศ.2406

          พิมพ์เจดีย์แหวกม่าน ข้อเท็จจริงเป็นพระเครื่องที่สมเด็จฯโต วัดระฆังสร้างอธิษฐานจิตปลุกเสก พ.ศ.2406 และสร้างที่วัดระฆัง
          เจดีย์ในองค์พระเป็นรูปเหมือนของพระเจดีย์ทอง
  ที่ตั้งอยู่บนฐานไพที ทางด้านทิศตะวันออกของ พระพุทธรูปปรางค์ปราสาท หรือ ปราสาทพระเทพบิดรในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นอุทิศถวาย สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (พระราชบิดา) และพระราชมารดาแต่เดิมพระเจดีย์ทอง 2 องค์นี้ตั้งอยู่ที่ขอบสระน้ำ ด้านทิศตะวันออกของหอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม 
         ต่อมาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2406 โปรดเกล้าให้ย้ายไปไว้ที่ด้านหน้ามุมเหนือและใต้ ของพระพุทธปรางค์ปราสาทในบริเวณที่เรียกว่ารักแร้ปราสาท  
พระพุทธปรางค์ปราสาทและเจดีย์ทองวัดพระแก้ว 2 องค์

มองผ่านช่องหน้าต่างจากด้านในของพระพุทธปรางค์ปราสาท เห็นเจดีย์ทอง เป็นที่มาของพระสมเด็จฯโต วัดระฆังพิมพ์เจดย์แหวกม่าน

         พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) ได้ทรงมีพระราชวิจารณ์ไว้ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทร์เทวีว่า “พระเจดีย์ทองสององค์นี้ พึ่งจะย้ายไปหน้าพุทธปรางค์ปราสาทในชั้นหลังทีเดียวแต่เหมือนกับก่อใหม่ทับบนพระเจดีย์เก่า เพราะจมอยู่ในพื้นทักษิณเสียมาก



วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตรวจสอบพระเครื่องว่าเป็น ของแท้ไม่แท้มี 6 วิธี

วิธีตรวจสอบพระเครื่องและวัตถุมงคลในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 6 วิธี
แต่ละวิธีทำกันอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

1. ตามตำรา  เรียนมาจากหนังสือ คู่มือ ว่าด้วยวิธีก้มๆเงยๆ พร้อมอาวุธ คู่กาย "กล้องส่องพระ" 
     - ดูพิมพ์ทรง มวลสาร ความเก่า ฯลฯ 
     - ดูแล้วศึกษาแล้วก็ต้องเชื่อตามตำรา  ถูกต้องตามตำราแท้  นอกเหนือจากตำรา "พิมพ์ไม่ใช่ เนื้อไม่ถึง" 
     - ทันสมัยหน่อย ประยุคฯด้วยการ ถ่ายรูปขยายดูจากหน้าจอคอนพิวเตอร์

2. ส่องพระเครื่องแบบไฮเทค เป็นพระแท้ไม่แท้ ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนไมโครสโคป แบบส่องกราด SEM (เซ็ม หรือ เอสอีเอ็ม) (SEM คือ Scanning Electron Microscope ภาษาไทยเรียกว่ากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนไมโครสโคป แบบส่องกราด เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ประเภทหนึ่ง )  
       ส่องพระเครื่อง แบบไฮเทคโนโลยี ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนฯ และวิเคราะห์ธาตุด้วยเครื่อง EDS
     - วิธีนี้คล้ายกับประเภทที่ 1 อาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยกว่า "กล้องส่องพระ" ใช้ประสบการณ์ ความชำนาญ ความรอบรู้ ตาถึง  จึงจะสามารถบอกได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่แท้
     - ส่องด้วยกล้อง SEM จุลทรรศน์อิเล็กตรอนไมโครสโคป แบบส่องกราด และเครื่องวิเคราะห์ธาตุ EDS,EDX  จำเป็นต้องมีองค์ครูเป็นองค์ตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบกับองค์ที่ต้องการตรวจสอบ  ถ้าองค์ครูผิด ผลสรุปที่วิเคราะห์ออกมาก็ผิดเช่นกัน
     - วิธีนี้ไม่สามารถบ่งบอกถึง ปี พ.ศ. ที่สร้างได้  ระบุได้แต่เพียงว่าเหมือนหรือคล้ายกับองค์ต้นแบบเท่านั้น
     - เครื่องมือที่ใช้มีราคาแพง  ค่าตรวจแพง

3.พิสูจน์วิเคราะห์พระ เก๊ แท้  ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์อายุพระและมวลสาร
     - เกิดจากการทดสอบสร้างน้ำยาหาค่าความเป็นไปได้ของมวลสารว่าน่าจะมีความเก่าอายุกี่ปี?
     - สร้างมาตราฐานของแถบสีเพื่อเป็นตัวกำหนดอายุของวัตถุที่นำมาทดสอบเพื่อเปรียบเทียบอายุ
     - ความน่าเชื่อถือ ยังไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ รับรองว่าผลที่นักวิเคราะห์ๆออกมาน่าเชื่อถือหรือไม่?
     - การวิเคราะห์ทดสอบ ไม่เปิดเผย ไม่เหมือนกับห้องแลปวิทยาศาสตร์ที่มีความมาตราฐานเปิดเผยและตรวจสอบได้ การวิเคราะห์ที่อำพลางซ่อนเร้น ความน่าเชื่อถือก็น้อยตาม ทำเองรู้เอง วิเคราะห์เอง ที่ไม่มีอะไรมารองรับ
     - ผลสรุปการวิเคราะห์มีความคลาดเคลื่อน  ไม่ตรงกับปีที่สร้างจริง  และไม่สามารถตรวจสอบได้กับมวลสารพระเครื่องทุกประเภท 
     -  มวลสารต่างประเภทกัน สร้างใน พ.ศ. เดียวกันไม่สามารถให้ผลสรุปได้ว่าสร้างในปี พ.ศ. เดียวกัน  สาเหตุเกิดจากน้ำยาทางเคมีวิเคราะห์การเปรียบเทียบกับอายุของมวลสารแต่ละชนิดได้ในวงจำกัดไม่เหมือนกัน
     - การกล่าวอ้างน้ำยาต่างประเทศ...จริงหรือ?  น่าเชื่อถือได้...จริงหรือ?   ผลวิเคราะห์...ตรงจริงหรือไม่?  มีข้อมูลอะไรมารองรับว่า...ที่วิเคราะห์ทดสอบพิสูจน์แล้วใช่...
     - วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้ทดสอบวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้เป็นเหตุผลในการรองรับ...แต่ผลที่ได้รับมีเพียงใบประกาศใบเดียวออกโดยผู้เชียวชาญ...ว่ามีความเก่าอายุ...ปี  จริงหรือไม่?

4.บดพระผง วิเคราะห์อายุโดยสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
     - เกิดจากการนำพระเนื้อดินหรือเนื้อผง บดทำลาย นำเข้ากระบวนทางวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ความเก่า(อายุ)ของมวลสาร  ลักษณะการทำเช่นนี้จะต้องมีพระเครื่องที่เหมือนๆกันหลายๆองค์
     -  ผลสรุปที่ได้  ไม่ได้บอกว่าสร้าง ณ ปี พ.ศ.ใดตรงๆ  ผลสรุปจะมีความคลาดเคลื่อนเช่น ไม่เกิน 20 ปี
     -  ค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์แพงมากๆ
     - วิธีนี้ยังไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อใช้วิเคราะห์มวลสารพระเครื่อง...มีอายุการสร้างกี่ปี? เพราะพระเครื่ององค์ที่นำมาวิเคราะห์อายุจะต้องบดทำลาย

5.  วิเคราะห์โลหะธาตุด้วย เครื่อง X-ray Fluorescence Spectrometer รุ่น EDX - 720  อ้างอิงลิงก์ http://wrsytc1.blogspot.com/2012/12/39-xrf.html
   - วิเคราะห์โลหะธาตุของ วัตถุมงคลที่เป็นเนื้อโลหะ ว่ามีมวลสารอะไรบ้าง
   - ไม่สามารถบ่งชี้ถึงความเก่าของโลหะธาตุ
   - เป็นเครื่องมือทันสมัยมีความน่าเชื่อถือสูงมาก และนิยมนำมาวิเคราะห์สิ่งประดิษฐในห้องแลปทางวิทยาศาสตร์ของโรงงานยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เฉพาะประเทศไทยมีมากกว่า 200 เครื่อง  เพื่อนำผลการวิเคราะห์เป็นหลักฐานยืนยันมาตราฐานของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในแต่ละรอบการผลิต

6. ตรวจสอบความแท้และอายุของการสร้างด้วยญาณ...(ตาใน)
     -  เป็นเรื่องอจินไตย เฉพาะบุคคลพิเศษเท่านั้น คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้
     -  ความสามารถของผู้...ที่สามารถสัมผัสได้  ความรู้ที่ได้รับ(เห็น) ไม่เท่ากัน
     -  บางคนใช้วิธีจับพลังได้เพียงแค่พลังว่าแรงหรือไม่  พระเก๊-ปลอมเรียนแบบถ้านำผงพระแท้โรยผสมจับพลังได้เช่นกัน  คนที่ยังด้อย...จะหลงเข้าใจคิดไปเองว่าใช่ของแท้ก็มีมาก
     -  บางคนสามารถจับพลังได้ว่ามีพลังแรงระดับใด กล่าวยกตัวอย่างเป็น % พอพบองค์ที่แรงกว่าเลยอธิบายได้ยาก  การสัมผัสพลังที่ถูกต้องไม่ใช่วิธีจับพลัง  เป็นวิธีการสัมผัสพลังด้วยญาณ....เป็นเรื่องอจินไตย...ผู้ที่ปฏิบัติถึงแล้วจึงจะทราบด้วยตนเอง
     -  บางคนสามารถแยกพลังได้ว่าเป็นพลังของครูบาอาจารย์ท่านใดสร้างอธิษฐานจิต
     -  บางคนสามารถทราบได้ว่าสร้างในวาระ พ.ศ. ใด........
     -  พลังที่พบ...เช่น
        ***พลังด้านพุทธบารมี คือ พระบรมสารีริกธาตุ  พระอรหันต์ธาตุ พระธาตุข้าวของพระพุทธเจ้า...               ***พลังด้านคงกระพัน  คือ เหล็กไหล... 

        ดังนั้นวิธีการตรวจสอบพระแท้ สร้างวาระ พ.ศ.ใด เหมาะสมที่สุดคือ วิธีที่ 6 ด้วยการตรวยสอบทางตาใน   ผู้ที่สามารถตรวจสอบและสัมผัสได้ในประเทศไทยมีมาก  บุคคลเหล่านี้มีทั้งสมมุติสงฆ์และฆารวาส  คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผย  และเป็นวิธีสรุปจบที่ดีที่สุดสำหรับผู้เขียนเองนั้น 5 วิธีแรกยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับในความคิดของผมที่ได้สัมผัสมา  และวิธีที่ 6 นี้ระวังเรื่องอุปทานครับผม.....
       พระอริยเจ้าในเมืองไทยมีเยอะอยู่ที่ท่านรู้หรือไม่ เชื่อและศรัทธาหรือไม่?
       
       เล่นพระตามเซียนตำรา คุณก็ต้องเปิดตำราของเซียนกลุ่มนั้นที่เล่น

       เล่นพระตามกลุ่มวิเคราะห์มวลสารทางวิทยาศาสตร์ คุณก็ต้องหาพระ...ที่มีมวลสารเหมือนของกลุ่มดังกล่าวที่เล่น

       เล่นพระ...ตามกลุ่มอภิญญา คุณก็ต้องเชื่อและศรัทธาตามผู้มีตาในที่เขาเล่นกัน  คุณก็จะได้พระ...แท้  ที่มีพลังแรง...แต่ราคามิตรภาพ

      เรื่องออร่า ออร่าเป็นรังสีที่เปล่งออกจากวัตถุมงคลรวมถึงคนปฏิบัติธรรม  พลังที่บรรจุไว้ในวัตถุมงคลในวัตถุมงคล  ท่านมีจิตสัมผัสที่เก่งมาก  เห็นแสงออร่าจากองค์พระรวมถึงคนปฏิบัติธรรม แยกแยะคุณสมบัติของสีออกมา  ดังนี้
                        สีแดง        เป็นพลัง ด้านคงกระพันชาตรี
                        สีส้ม          เป็นพลัง ด้านแคล้วคลาด& B/ d. X2 [  g) T8 h, d
                        สีม่วง         เป็นพลัง ด้านคุ้มภัย รักษาโรค
                        สีเขียว       เป็นพลัง จากญาณสมาธิ  อภิญญา
                        สีเหลือง    เป็นพลัง พุทธคุณ  พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์
                        สีขาว         เป็นพลัง พระโพธิ์สัตว์0 ]7 l. m4 p* J8 D* E
                        สีฟ้า          เป็นพลัง ส่งเสริมอำนาจ บารมี  โภคทรัพย์
! E                     สีชมพู       เป็นพลัง เมตตามหานิยมEมห