วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระสมเด็จตะกั่วถ้ำชา เนื้อชินเขียว วัดระฆัง พ.ศ.2408


พระสมเด็จ เนื้อชินเขียว(ตะกั่วถ้ำชา) พ.ศ.2408

ชื่อ:
พระสมเด็จตะกั่วถ้ำชา เนื้อชินเขียว  พ.ศ. 2408

สร้างสมัย:
รัชกาลที่ 4  พ.ศ.2408

ผู้อธิษฐานจิต(สร้าง):

สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง


มวลสาร:

ชินอุทุมพร หรือ  ชินเขียว มีส่วนผสมของตะกั่วและแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ สีเขียว(เกิดจากมีส่วนผสมทองแดง) สนิมเป็นเม็ดสีขาวหม่น
พระองค์ใดมีส่วนผสมของตะกั่วยิ่งมาก พระองค์นั้นจะมีความอ่อนจับบิดงอได้ง่าย 

พลานุภาพ:
ครบเครื่องทุกเรื่องฯลฯ
เมตตามหานิยม มหาอำนาจ บารมี  โชคลาภ  วาสนา  พลานุภาพ 108 เหนือคำบรรยาย มีครบทุกด้าน ไร้ขีดจำกัด

ฝีมือสร้าง:
วัดระฆัง

อายุ:
(2556-2408) 148 ปี


ราคาเหมะสม:

3,500,000.00 บาท(สามล้านห้าแสนบาทถ้วน)


ราคาเซียนใหญ่: 100,000,000.00 บาท(หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)


ราคาท้องตลาด: -

ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ:

มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา

พระสมเด็จตะกั่วถ้ำชา เนื้อชินเขียว  วัดระฆัง พ.ศ.2408


พระสมเด็จตะกั่วถ้ำชา เนื้อชินเขียว  วัดระฆัง พ.ศ.2408

- เนื้อชินเขียวในวงกลมสีเขียวๆ
- เกิดสนิทสีขาวหม่นในวงกลม เมื่อสัมผัสกับอากาศได้ไม่ถึง 1 อาทิตย์
- องค์พระสมเด็จฯ สมัยเมื่อ 148 ปีที่ผ่านมา รักษาองค์พระด้วยการทารักสีส้มอมน้ำตาลแดงด้านหน้าและด้านหลังขององค์
- ผู้เขียนได้มาครั้งแรก ออกแรงบิดเบาๆ เนื้อโลหะธาตุมีความอ่อนตัวบิดงอไปมาได้ และรักที่ทาไว้ระเบิดออกเผยให้เห็นเนื้อในของเนื้อชินเขียว(ตะกั่วถ้ำชา) ดังรายละเอียดของรูปที่ขยาย
- ตำราโบราณมีผู้กล่าวไว้ว่า "ชินเขียว มีสนิมสีขาวหม่น" คือพระที่มีมวลสารโลหะธาตุดังเช่น พระสมเด็จองค์ที่ผู้เขียนนำมาเปิดเผยเพื่อเรียนรู้และศึกษา ดั่งคำว่า สมบัติผลัดกันชม  เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมย่อมต้องเปลี่ยนเจ้าของ เพราะผู้สร้างก็ตายไปหมดแล้ว  คนที่เคยครอบครองก่อนหน้าก็ตายไปแล้วเช่นกัน  

บทความอ้างอิงฯ คลิกลิงก์ http://dr-natachai.blogspot.com/2013/10/blog-post_26.html 


วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หลวงปู่ทวด เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2408

หลวงปู่ทวดหลังเตารีดเล็กวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ.2408

ชื่อ:
หลวงปู่ทวดหลังเตารีดเล็กวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ. 2408

สร้างสมัย:
รัชกาลที่ 4  พ.ศ.2408

ผู้อธิษฐานจิต(สร้าง):

สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง



มวลสาร:
ชินตะกั่ว แบบที่ 2 มีส่วนผสมของตะกั่ว(ถ้ำชา) มากที่สุดประมาณ 90 % มีทองแดง 9.5 % และแร่ธาตุ อื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ พระที่มีส่วนผสมของทองแดงมากจะมีความแข็งเพิ่มขึ้น(เอกลักษณะเฉพาะของทองแดง เมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศและโลหะธาตุอื่นๆจะเกิดสีเป็นสนิทสีเขียว)  และพระองค์ใดมีส่วนผสมของตะกั่วยิ่งมาก พระองค์นั้นจะมีความอ่อนจับบิดงอได้ง่าย 

พลานุภาพ:
ครบเครื่องทุกเรื่องฯลฯ
เมตตามหานิยม มหาอำนาจ บารมี  โชคลาภ  วาสนา  พลานุภาพ 108 เหนือคำบรรยาย มีครบทุกด้าน ไร้ขีดจำกัด

ฝีมือสร้าง:
ช่างสิบหมู่กลุ่มวังหน้า

อายุ:
(2556-2408) 148 ปี


ราคาเหมะสม:
600,000.00 บาท(หกแสนบาทถ้วน)


ราคาเซียนใหญ่: -


ราคาท้องตลาด: -


ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ:
มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา 

หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408


หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408


หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408


ขยายรายละเอียดขององค์พระ
หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว  พ.ศ.2408

หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408
- ร่อยรอยการขูดตบแต่ง
- สีดำ ๆ คือ รัก ที่ได้ทาไว้เมื่อ 148 ปีที่ผ่านมา

หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408
- วรรณะสีผิวแห้งแบบธรรมชาติ ของอายุ 148 ปี
- แสงประกายเงิน คือ ผิวโลหะที่เป็นรอยขูด เผยให้เห็นเนื้อใน

หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408

- สีน้ำตาลอ่อนเข้ม คือ ครั่งที่ทารองพื้น
- สีดำ คือ รักที่ทาไว้เมื่อ 148 ปีที่ผ่านมา
- วรรณะสีผิวแห้งแบบธรรมชาติ 

หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408

- ขอบขวามือ ประกายสีเหลืองทอง คือ ทองคำที่ผสมอยู่ในเนื้อชินตะกั่ว
- สีน้ำตาลอ่อนเข้ม คือ ครั่งที่ทารองพื้น
- สีดำ คือ รักที่ทาไว้เมื่อ 148 ปีที่ผ่านมา
- วรรณะสีผิวแห้งแบบธรรมชาติ 


หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408
- จุดสีเหลืองทอง กลางภาพบน คือ ทองคำที่ผสมอยู่ในเนื้อชินตะกั่ว
- สีน้ำตาลอ่อนเข้ม คือ ครั่งที่ทารองพื้น
- สีดำ คือ รักที่ทาไว้เมื่อ 148 ปีที่ผ่านมา
- มีไขขาวเกิดขึ้นวรรณะสีผิวแห้งแบบธรรมชาติ 


หลวงปู่ทวดวังหน้า เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2408
- แห้ง เก่า ครั่ง รัก ไขบนผิวพระ  สภาพโดยความมองดูตาของเก่าทำปลอมกันยากที่จะเหมือน

*** คนไม่ได้ศึกษามองผ่านๆ คิดเป็นตุเป็นตะ ปลอมวัดโน้น เก๊วัดนี้  ความจริงที่ไม่ตาย "ใครเรียนแบบใคร" อายุเป็นตัวบ่งชี้  พระพิมพ์หลวงปูทวดหลังเตารีดเล็กวังหน้ามีอายุ (2556-2408) 148 ปี
*** ของดีมีมาก อยู่ที่ผู้ครอบครองรู้หรือไม่ ว่าคืออะไร?
*** เมื่อถึงแล้วจะรู้เอง จริงคือจริง  เท็จคือเท็จ  หลอกกันไม่ได้

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ.2414(ไม่มีกริ่ง ก้นต้น)

ชื่อ:
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2414 (ไม่มีกริ่งก้นตัน)


สร้างสมัย:
รัชกาลที่ 5  พ.ศ.2414

ผู้อธิษฐานจิต(สร้าง):

สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง


มวลสาร:
ชินตะกั่ว แบบที่ 2 มีส่วนผสมของตะกั่ว(ถ้ำชา) มากที่สุดประมาณ 90 % มีทองแดง 9.5 % และแร่ธาตุ อื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ พระที่มีส่วนผสมของทองแดงมากจะมีความแข็งเพิ่มขึ้น(เอกลักษณะเฉพาะของทองแดง เมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศและโลหะธาตุอื่นๆจะเกิดสีเป็นสนิทสีเขียว)  และพระองค์ใดมีส่วนผสมของตะกั่วยิ่งมาก พระองค์นั้นจะมีความอ่อนจับบิดงอได้ง่าย 

พลานุภาพ:
ครบเครื่องทุกเรื่องฯลฯ
เมตตามหานิยม มหาอำนาจ บารมี  โชคลาภ  วาสนา  พลานุภาพ 108 เหนือคำบรรยาย มีครบทุกด้าน ไร้ขีดจำกัด

ฝีมือสร้าง:
ช่างสิบหมู่

อายุ:
(2556-2414) 142 ปี


ราคาเหมะสม:
800,000.00 บาท(แปดแสนบาทถ้วน)


ราคาเซียนใหญ่:
1 million U.S. dollars. หรือ 30 ล้านบาท


ราคาท้องตลาด: -


ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ:
มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา 
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
ขยายรายละเอียดขององค์
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว 
(ไม่มีกริ่งก้นตัน) พ.ศ.2414
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414

--- ซ้ายมือจุดดำๆ คือ รักเมื่อ 142 ปีที่แล้วได้ลงไว้  ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือร่องรอยของรักบนองค์พระกริ่งฯ
--- กลางภาพสีขาวคล้ายเงินสะท้อนแสงสว่าง คือ ปรอท และสีเหลืองๆ คือ ทองคำ


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
--- สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม คือ ครั่งที่ได้ทางไว้เมื่อ 142 ปีที่ผ่านมา หลุดร่่่่่่่่อนจนเกือบหมด
--- สีเหลืองๆ คือ ทองคำที่ผสมอยู่ในเนื้อมวลสารของตะกั่ว


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
 --- บริเวณใบหน้าและจมูกขององค์พระ เผยให้เห็นการกลับดำและความแห้งเก่าอายุ 142 ปี


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
--- หม้อน้ำมนต์กลับดำสนิท
--- วรรณะสีผิวรอบๆหม้อน้ำมนต์ แห้งเก่า ขึ้นเขียวหยก อายุ 142 ปี


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
--- กลีบบัว บ่งบอกถึงความเก่าอายุ 142 ปี


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
--- ร่องรอยการการขัดตบแต่ง และวรรณะสีผิวความเก่า
--- ครั่งและรักที่ทาไว้ ยังหลงเหลือให้พบเห็นบ้างเล็กน้อย

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414

--- ร่องรอยการการขัดตบแต่ง และวรรณะสีผิวความเก่า
--- ครั่งและรักที่ทาไว้ ยังหลงเหลือให้พบเห็นตามซอกมุมต่างๆ
--- สีขาวสะท้อนแสงคล้ายสีเงิน  คือ ปรอท
--- สีเหลืองที่อยู่กับปรอท คือ ทองคำ

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) พ.ศ.2414
 --- วรรณะสีผิวความเก่า ของมวลสารขินตะกั่ว ที่มีส่วนผสมของตะกั่ว(ถ้ำชา) มากที่สุด ตามด้วยทองแดง ปรอท และทองคำ ฯลฯ

*** พระกริ่งปวเรศ เนื้อชินตะกั่ว ไม่อยู่ในสาระบบของตำราใดๆ เพราะคนที่มีครอบครองในอดีตตายหมด
*** ผู้ครอบครองรุ่นถัดๆมา ไม่ได้สนใจและไม่มีในบันทึก ไม่ทราบว่าเป็นมวลสารเนื้ออะไร  ผ่านมาถึงยุคปัจจุบันเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ได้  
*** พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว(ถ้ำชา) ผสมทองแดง ปรอท ทองคำ และแร่ธาตุอื่นๆ เป็นพระกริ่งฯที่มีพลานุภาพไม่เป็นรองใครในยุคนี้
*** ผู้ที่ชื่นชอบสะสมพระกริ่งปวเรศ ขอแนะนำพระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อชินตะกั่ว เป็นอีกเนื้อหนึ่งที่น่าสะสมมาก

รวมรูปภาพพระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียร ที่เคยนำเสนอในกระทู้ก่อนหน้า
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อสำริด พ.ศ.2382
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ เนื้อสำริด พ.ศ.2382



///อ้างอิงบทความเกี่ยวกับพระกริ่งปวเรศ พิมพ์เศียรเรียบ


วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อสัมฤทธิ์เหลือง พ.ศ.2411

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อสัมฤทธิ์ หรือ สำริด สีเหลือง หรือ สำริดทอง พ.ศ.2411(ไม่มีกริ่ง ก้นต้น)

ชื่อ:
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อสำริด พ.ศ. 2411 (ไม่มีกริ่งก้นตัน)


สร้างสมัย:
รัชกาลที่ 4  พ.ศ.2411

ผู้อธิษฐานจิต(สร้าง):

สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง


มวลสาร:
สัมฤทธิ์เหลือง หรือ ทองสำริด มีวรรณะสีผิวคล้ายทองคำ

พลานุภาพ:
ครบเครื่องทุกเรื่องฯลฯ
เมตตามหานิยม มหาอำนาจ บารมี  โชคลาภ  วาสนา  พลานุภาพ 108 เหนือคำบรรยาย มีครบทุกด้าน ไร้ขีดจำกัด

ฝีมือสร้าง:
ช่างสิบหมู่

อายุ:
(2556-2411) 145 ปี

(ราคาเหมะสม) 2,000,000.00 บาท(สองล้านบาทถ้วน)

(ราคาเซียนใหญ่) 1 million U.S. dollars. หรือ 30 ล้านบาท


(ราคาท้องตลาด) -

(ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ) มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อทองสัมฤทธิ์ ก้นตัน ร.4 พ.ศ.2411 (ถ่ายรูปภายใต้แสงธรรมชาติ)

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อทองสัมฤทธิ์ ก้นตัน ร.4 พ.ศ.2411 (ถ่ายรูปภายใต้แสงไฟฟ้า)
--- บริเวณแขนขวาหล่อไม่สมบูรณ์  ซึ่งช่างสมัยโบราณได้พิจารณาแล้วยอมรับได้
--- ผิวองค์พระกริ่งฯ ลงรักปิดทองคำเปลว หลุดร่อนไปหลายๆจุด สังเกตุยังมีทองคำเปลวบริเวณด้านซ้ายและด้านขวาของจมูกเห็นเด่นชัด
ขยายรายละเอียด

--- ผิวองค์พระกริ่งฯ สัมฤทธิ์ทอง ทาครั่งและลงรักปิดทองคำเปลว หลุดร่อนไปหลายๆจุด สังเกตุทองคำเปลวบริเวณด้านซ้าย-ด้านขวาของจมูกเห็นเด่นชัด

--- บริเวณขอบฐานพระกริ่งฯ ร่องรอยขัดตบแต่ง 
--- โลหะธาตุสีเหลืองทอง (ทองสำริด หรือ ทองสัมฤทธิ์) งดงาม
--- สีน้ำตาลอมแดง คือ ครั่ง
--- สีดำเข็ม คือ รัก มีความแห้งบ่งชี้ถึงความเก่าอายุ 145 ปี

--- ผิวองค์พระกริ่งฯ ลงรักปิดทองคำเปลว หลุดร่อนไปหลายๆจุด สังเกตุทองคำเปลวบริเวณด้านซ้ายของจมูกเห็นเด่นชัด


--- ผิวองค์พระกริ่งฯ ลงรักปิดทองคำเปลว อายุ 145 ปีหลุดร่อนหายไป เผยให้เห็นรักแห้งเก่าที่ได้ทาไว้
--- สีเหลืองทอง คือ โลหะธาตุ สำริดที่เรียกกันว่า ทองสำริดสีเหลืองอร่ามงดงาม มองผ่านๆ คล้ายสีทองคำ
--- พระกริ่งปวเรศ มีโลหะธาตุผสมหลากหลายชนิด รวมทั้งทองคำเป็นมวลสารชนิดหนึ่งที่ได้ผสมในองค์พระกริ่งปวเรศ


--- ขยายแสดงบริเวณใบหูขวา
--- พระกริ่งปวศเรศ พิมพ์จุก องค์นี้ โลหะธาตุสัมฤทธิ์สีเหลืองทอง สร้างในสมัย ร.4 พ.ศ.2411 

*** พระกริ่งปวเรศ ประเภทก้นตันไม่มีกริ่ง มักนิยมนำมาปะด้านหลังของพระเนื้อผง
*** คนไม่รู้จักไม่มีพูดมั่วซั่วว่า ไม่ใช่  ทั้งๆที่ตนเองไม่รู้จริงว่าใช่หรือไม่  คนที่มีต่างหวงเก็บไว้แทบจะไม่ให้คนอื่นได้พบเห็น  ในอดีตที่ผ่านมาจึงเป็นพระกริ่ง...ที่มีคนรู้จักในวงแคบเหมือนอยู่ในวังวนของผู้ครอบครองไม่กี่คน
*** ที่ผ่านมาผู้เขียนได้เปิดเผย พระกริ่งปวเรศ หรือ พระกริ่งสายวัง มีเนื้อ วรรณะสีผิว ทองคำ  เนื้อเงิน  เนื้อนาค  เนื้อสัมฤทธิ์สีเหลืองอ่อน สีแดงชมพูคล้ายสีทองแดง เนื้อชินสังกะสี เนื้อกะไหล่ทอง ฯลฯ 
*** ยังมีเนื้อชินตะกั่ว ชินดีบุก ชินเงิน(ชินปรอท) ตะกั่วถ้ำชา ที่จะเปิดเปิดเผยในบทความกระทู้ต่างๆ เร็วๆนี้

///อ้างอิงบทความเกี่ยวกับพระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชิน...http://dr-natachai.blogspot.com/2013/10/2408.html


รวมรูปภาพพระกริ่งปวเรศพิมพ์มีจุกที่เคยนำเสนอในกระทู้ก่อนหน้า
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์จุก ปะ ด้านหลัง พระสมเด็จกลับบัวผสมเพชรดำ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์จุก
พระกริ่งปวเรศ  พิมพ์จุก เนื้อสำริดกลับดำ ปะ ด้านหลัง พระสมเด็จกลับบัว
พระกริ่งปวเรศำ พิมพ์จุก






พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี หรือ ชินวร พ.ศ.2408

พระกริ่งปวเรศ หรือ
พระกริ่งประจำรัชกาล...  มีสร้างขึ้นตั้งแต่ยุค รัชกาลที่ 3 สืบต่อมาถึง ยุค รัชกาลที่ 4  รัชกาลที่ 5 และยุครัชกาลที่ 6  บางพิมพ์สร้างหลายยุคหลายสมัย  สืบเนื่องกันมา และมีหลากหลายเนื้อ เช่น 
เนื้อนวโลหะ คือ โลหะมากกว่า 1 ชนิดหลอมหล่อรวมกัน
สัมฤทธิ์ หรือ สำริด คือ โลหะมากกว่า 1 ชนิดหลอมหล่อรวมกัน เมื่อหลอมหล่อมออกมาเสร็จ มีทั้งเนื้อสีเหลือง  สีชมพูอมแดงคล้ายทองแดง(แก่ทองแดง)  สีคล้ายเงินแก่เงิน  สีกลับดำสนิท
ชิน  คือ โลหะมากกว่า 1 ชนิดหลอมหล่อรวมกัน  อยู่ที่โลหะธาตุอะไรมีมาก

***จากการวิเคราะห์โลหะธาตุด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นโลหะประเภทสำริด นวโลหะ ชิน ล้วนแล้วแต่เป็นโลหะในหมวดหมู่เดียวกัน  ความแตกต่างอยู่ที่โลหะธาตุอะไรมีมากที่สุด เช่น
   ตะกั่วมีมากที่สุด เรียกว่า ชินตะกั่ว
   ดีบุกมีมากที่สุด  เรียกว่า ชินดีบุก
   สังกะสีมีมากที่สุด เรียกว่า ชินสังกะสี
   ทองแดงมีมากที่สุด  เรียกว่า ทองสำริด

ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้จักพระกริ่งปวเรศที่แทบจะไม่มีคนรู้จัก 
มีมวลสารพิเศษอีกชนิดหนึ่งที่มีกล่าวถึง คือ เนื้อชินวร หรือ ชินสังกะสี เป็นพระกริ่งปวเรศ...ที่นักสะสมพระกริ่งปวเรศ...ควรมีไว้ในครอบครอง

ชินวร หรือ 
ชินสังกะสี มีส่วนผสมของสังกะสีมากถึง 90% ทองแดงประมาณ 6% และรีเนียม ประมาณ 3% มีแร่ธาตุอื่นๆอีก เช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ   เนื้อแข็ง สนิมดำ แกร่งมาก น้ำหนักเบากว่าเนื้อชินตะกั่วและเนื้อชินดีบุก


ภาพขยายโลหะธาตุ ชินสังกะสี หรือ ชินวร
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก ภาพขยายเนื้อชินสังกะสี
พระกริ่วปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี เผยให้เห็นความเก่าอายุ 148 ปี และสีเหลืองที่เห็นคือ ทองคำ

 
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก ภาพขยายเนื้อชินสังกะสี
พระกริ่วปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี เผยให้เห็นความเก่าและรอยขัดแต่งโลหะ จุดสีเหลือง คือ ทองคำ

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก ภาพขยายเนื้อชินสังกะสี
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี เผยให้เห็นความเก่า สนิมดำ สีเขียวและไขสีขาว
 
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก ภาพขยายเนื้อชินสังกะสี
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี เผยให้เห็นความเก่า สนิมดำ และไขสีขาว

ชื่อ:
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี หรือ ชินวร พ.ศ. 2408 (ไม่มีกริ่งก้นตัน)


สร้างสมัย:
รัชกาลที่ 4  พ.ศ.2408


ผู้อธิษฐานจิต(สร้าง):

สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง

มวลสาร:
ชินวร หรือ
ชินสังกะสี มีส่วนผสมของสังกะสีมากกว่าถึง 90% ทองแดงประมาณ 6% และรีเนียม ประมาณ 3%  มีแร่ธาตุอื่นๆอีก เช่น ทองคำ ปรอท ฯลฯ  เนื้อแข็ง  สนิมดำ  แกร่งมาก  น้ำหนักเบากว่าเนื้อชินตะกั่วและเนื้อชินดีบุก

 
พลานุภาพ:
ครบเครื่องทุกเรื่องฯลฯ
เมตตามหานิยม มหาอำนาจ บารมี  โชคลาภ  วาสนา  พลานุภาพ 108 เหนือคำบรรยาย มีครบทุกด้าน ไร้ขีดจำกัด

ฝีมือสร้าง:
ช่างสิบหมู่

อายุ:
(2556-2408) 148 ปี


(ราคาเหมะสม) 800,000.00 บาท(แปดแสนบาท)

(ราคาเซียนใหญ่) 1 million U.S. dollars. หรือ 30 ล้านบาท


(ราคาท้องตลาด) -

(ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ) มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี พ.ศ.2408  ไม่มีกริ่ง ก้นตัน องค์ที่ 1

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี พ.ศ.2408 ไม่มีกริ่ง ก้นตัน องค์ที่ 2

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี พ.ศ.2408 ไม่มีกริ่ง ก้นตัน องค์ที่ 3

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี พ.ศ.2408 ไม่มีกริ่ง ก้นตัน องค์ที่ 4

สรุป
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก เนื้อชินสังกะสี 
--- เป็นพระกริ่งปวเรศ ที่สร้างอธิษฐานจิต โดยสมเด็จฯโต พรหมรังสี พ.ศ.2408 ณ เวลานี้หาคนที่รู้จักยากยิ่ง  สาเหตุเพราะไม่มีบันทึกในตำราเล่มใดๆ
--- พระกริ่ง...พิมพ์นี้ที่เคยพบได้มีสร้างขึ้นหลายเนื้อ เช่น เนื้อทองคำ เนื้อทองสำริด เนื้อชินสังกะสี หรือชินวร
--- เนื้อชินสังกะสี หรือ ชินวร ที่ผู้เขียนพบและได้วิเคราะห์โลหะธาตุมีเพียงพระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก พิมพ์อื่นไม่เคยพบเห็น
--- พระกริ่ง...เนื้อชินสังกะสีที่พบทุกองค์บริเวณฐานบัวจะมีตำนิ คือ เนื้อองค์พระกริ่งฐานหล่อได้ไม่เต็ม(ต่างที่ต่างตำแหน่ง)
--- พระกริ่ง...ทุกองค์จะผ่านการเกลาตบแต่งไม่เท่ากัน
--- การกลับดำ จะเกิดสนิมดำขึ้นบริเวณผิวพระดำสนิท  บริเวณใดผ่านการจับบ่อยๆ หรือขัดถู เผยให้เห็นเนื้อชินสังกะสี
--- พระกริ่ง...พิมพ์จุก ชุดนี้ ในอดีตเคยผ่านการลงรัก ปิดทองคำเปลว
--- วรรณะสีผิวอายุ 148 ปี ขึ้นสนิมดำ ไขขาว และบางองค์ขึ้นสีเขียวเล็กน้อย
--- พระกริ่งปวเรศ เนื้อชินสังกะสี สร้างน้อยมากๆ น่าจะมีสร้างเพียง 1 ช่อเท่านั้น


รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม  ว่า พระกริ่งปวเรศ ยังมีเนื้อชินสังกะสีอีกประเภทหนึ่งที่ สมเด็จฯ โต  อธิษฐานจิตปลุกเสกในปี พ.ศ.2408 

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตะกั่วถ้ำชา ชิน นวโลหะ สัมฤทธิ์ สำริด ต่างกันอย่างไร?

ตะกั่วถ้ำชา ชิน นวโลหะ สัมฤทธิ์ สำริด ต่างกันอย่างไร?


จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการที่มีผู้เขียนขึ้นกล่าวถึง...และจากผลการวิเคราะห์โลหะธาตุ ทั้งหมดเรียกว่าสัมฤทธิ์ หรือ สำริด ภาษาฝรั่งเรียกว่า Bronze เป็นโลหะธาตุที่มีสูตรหรือส่วนผสมหลากหลาย  อยู่ที่ผู้หลอมโลหะธาตุการการนำไปใช้ทำอะไร  เมื่อหลอมหล่อโลหะธาตุสำเร็จออกมามีวรรณะสีผิวแตกต่างกันไป เช่น ขาว เหลือง แดงอ่อน เป็นต้น

ชิน หมายถึง โลหะผสมได้มากกว่าหนึ่งอย่าง พระเครื่องในเมืองไทยที่สร้างจากเนื้อชิน มักจะมีส่วนผสมหลักๆ ได้แก่ ปรอท ดีบุก ตะกั่ว และทองแดง ทั้งนี้เมื่อผสมแล้วจะออกมาเป็นเนื้ออะไร ขึ้นอยู่กับการมีอยู่ของส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งมาก เช่น ถ้าใส่ทองแดงจะช่วยให้มีความแข็งของโลหะและยิ่งใส่ผสมมากขึ้นยิ่งทำให้โลหะที่ได้มีความแข็งมากขึ้น  (เมื่อโลหะที่นำมาหลอม โลหะที่มีน้ำหนักเบาจะลอยอยู่ด้านบน พระองค์ใดเทก่อนโลหะเบาลงเบ้าก่อน พระชุดแรกออกมาเนื้อแบบหนึ่ง องค์ที่เทภายหลังโลหะหนัก เช่น ตะกั่วนอนก้นเตาหลอมเทออกมาเป็นเนื้ออีกแบบหนึ่ง) โลหะธาตุเนื้อมวลสารต่างกันจะมีลักษณะเฉพาะตัวและมีชื่อเรียกขานที่แตกต่างกันไป เช่น ชินตะกั่ว ชินเงิน ชินอุทุมพร ชินเขียว ก็สุดแท้แต่จะเรียกขานกันไป ลักษณะอย่างนี้เรียกว่าแยกตามวรรณะสีผิว เมื่อผ่านกาลเวลามีความเก่ามากขึ้น  มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด(ยิ่งเก่ายิ่งเห็นชัด) ทั้งในด้านสีสันและลักษณะพื้นผิว ไข สนิม รอยเหี่ยว รอยปริราน ฯลฯ


เนื้อ นวโลหะ ฝรั่งเขาตั้งชื่อจดทะเบียนให้ว่า Thai bronze   หมายถึง สัมฤทธิ์ไทย (สำริดไทย)

คำว่า bronze หมายถึง สำริด หรือ โลหะหลายชนิดมารวมกัน ไม่มีสูตรตายตัวแน่นอน ซึ่งก็ คือ ชิน โลหะที่โบราณนิยมมาสร้างเป็นเครื่องมือเครื่องใช้รวมถึงสร้างองค์พระขนาดใหญ่และเล็กมีมานานนับหลายพันปีที่ได้พบตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศไทย


พระเนื้อชิน หมายถึง พระโลหะ ที่มีวรรณะสีผิว แววๆ ผิวออก ขาวๆ เงินๆ ตะกั่วๆ โดยปกติ กระแสสัดส่วนของโลหะ แก่ตะกั่ว(ผิวขาว)  แก่ปรอท(ผิววาว)  แก่ทองแดง (สนิมเขียว) โบราณนิยมสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล

ในอดีตกล่าวกันว่า ชิน เป็นโลหะธาตุผสมของ ดีบุก ตะกั่ว สังกะสี เหล็ก พลวง ปรอท และเงิน ฯลฯ ที่ไม่มีสูตรตายตัว  อยู่ที่ความเชื่อและศรัทธาของผู้สร้างว่าต้องการใส่แร่ธาตุชนิดใดบ้าง ส่วนผสมมากน้อยไม่เท่ากัน


ประเภทของโลหะธาตุ

ปรอท   ใส่ปรอทลงไปเป็นส่วนผสม เพื่อให้เนื้อโลหะหลอมเหลววิ่งเข้าติดซอกมุมของพิมพ์  เพราะปรอทจะหนีความร้อน ทำให้โลหะธาตุอื่นๆวิ่งตามไปติดเต็มพิมพ์ทำให้องค์พระเทออกมาสมบูรณ์สวยงาม  ปรอทหากอยู่ส่วนผิวนอกสุดจะทำให้พระมีสีเงินแวววาว ผิวปรอทจะเปลี่ยนแปลงยากต้องใช้เวลาหลายร้อยปีถึงพันปีขึ้นไปจึงจะมีลักษณะซีดหมองลง หรือเรียกว่าปรอทตาย เมื่อสัมผัสความชื้น ความเค็มผ่านไปหลายร้อยปีจะหมองลงๆ จนกระทั่งดำ



เนื้อตะกั่ว เป็นส่วนผสมหลักของพระเครื่องประเภทเนื้อชินที่มีการสร้างในไทยมากที่สุด การสร้างการผลิตทำได้ง่าย มีจุดหลอมเหลวต่ำ ลักษณะของตะกั่วเมื่อผ่านกาลเวลาจะมีสีดำคล้ำ มีความฉ่ำที่สัมผัสได้ทางสายตา มีความยับ ความย่น ความโปร่งพรุน ตามธรรมชาติ  มีสนิมและไขขาว พระเนื้อชินตะกั่วที่มีอายุมากๆบางทีสนิมกับไขนั้นก็กินลึกเข้าไปถึงเนื้อในทำให้เกิดหลุมบ่อหรือกินจน แทบไม่เหลือเนื้อแท้อยู่เลย กลายเป็นไขและสนิมมาแทนที่เนื้อโลหะเดิม ขึ้นอยู่กับสภาพการเก็บรักษา สนิมและไขนั้นเกิดจากภายในเนื้อแร่โลหะที่ผสมหล่อหลอมกับเนื้อตะกั่ว



เนื้อดีบุก เป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ในไทย  ในสมัยโบราณใช้ทำเหรียญและเครื่องใช้หลายชนิด ลักษณะเด่นของดีบุกเมื่อผ่านกาลเวลาไปคือจะมีสีดำสนิท  ถ้าถูกความชื้นเพราะเก็บรักษาไม่ดี โลหะธาตุที่ผสมในเนื้อตะกั่วจะมีลักษณะพองตัวและทำให้ตะกั่วปริแยกออก นักเล่นพระจะเรียกว่า ระเบิด


*** พระเนื้อชินมีสูตรมากชนิด...สร้าง...แต่ละยุคสมัย...ต่าง พ.ศ....ต่างที่...ต่างกรุ จะมีมวลสารเนื้อหาต่างกันไป...อายุสร้าง 100 ปี  500 ปี มากกว่า 1,000 ปี  วรรณะสีผิวมีความแตกต่างกันสิ้นเชิง

หลักในการพิจารณาพระเนื้อชิน สร้างสมัย รัชกาลที่ 4 ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 มีดังนี้









ชินวร หรือ 
ชินสังกะสี มีส่วนผสมของสังกะสีมากถึง 90% ทองแดงประมาณ 6% และรีเนียม ประมาณ 3% และแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ   เนื้อแข็ง สนิมดำ แกร่งมาก น้ำหนักเบากว่าเนื้อชินตะกั่วและเนื้อชินดีบุก
 
ชินอุทุมพร หรือ 

ชินเขียว มีส่วนผสมของตะกั่วและแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ สีเขียว(เกิดจากมีส่วนผสมทองแดงมาก) สนิมเป็นเม็ดสีขาวหม่น
 
ชินเงิน มีส่วนผสมของตะกั่ว ทองแดง
และแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ฯลฯ และมีปรอทผสมอยู่มาก จะมีสีเงินยวงจับองค์พระอย่างงดงาม พระเนื้อชินเงินนี้จะปรากฏลักษณะตามธรรมชาติในรูปของเกล็ดกระดี่ และสนิมตีนกา ตามองค์พระ 
 
ชินตะกั่ว แบบที่1

ตะกั่วถ้ำชา มีส่วนผสมของตะกั่วมากที่สุดประมาณ 98 % มีทองแดง 2 % และแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ พระที่มีส่วนผสมของทองแดงมากจะมีความแข็งเพิ่มขึ้น


ชินตะกั่ว แบบที่2 มีส่วนผสมของตะกั่วมากที่สุดประมาณ 90 % มีทองแดง 9.5 % และแร่ธาตุอื่นๆเช่น ทองคำ ปรอทฯลฯ พระที่มีส่วนผสมของทองแดงมากจะมีความแข็งเพิ่มขึ้น(เอกลักษณะเฉพาะของทองแดงเมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศและโลหะธาตุอื่นๆจะเกิดสีเป็นสนิทสีเขียว)  และพระองค์ใดมีส่วนผสมของตะกั่วยิ่งมาก พระองค์นั้นจะมีความอ่อนจับบิดงอได้ง่าย 

ชินดีบุก  มีส่วนผสมของดีบุกมากที่สุดประมาณ 71 % มีทองแดงประมาณ 18 % ตะกั่วประมาณ 7.5%  เหล็กประมาณ 2.5% และแร่ธาตุ อื่นๆเช่น ปรอทฯลฯ
กรรมวิธีการสร้างพระ เนื้อชิน ถือเป็นการหลอมเหลวรวมโลหะธาตุที่สำคัญ  พระที่พบส่วนมากจะเป็นศิลปะสกุลช่างหลวง พระเนื้อชินจัดเป็นพระที่ไม่ยุ่งยากในการสร้าง หากในสมัยโบราณกรรมวิธีนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการและอาศัยแรงคนจัดทำ มิใช่น้อย ดังนั้นผู้ที่สามารถสร้างพระเนื้อชินได้ จะต้องดำรงตำแหน่งอยู่ในชั้นเจ้านาย หรือระดับผู้นำ ที่สามารถสั่งบัญชาการได้ จึงถือว่าพระเนื้อชินเป็นพระเครื่องชั้นสูงมาแต่โบราณ ประการสำคัญ การพบพระเนื้อชินส่วนมากจะพบในกรุตามโบราณสถานสำคัญ ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่สามัญชนจะกระทำได้

พระเนื้อชิน ถือเป็น อมตะพระเครื่องยอดนิยมตลอดกาล
พระเนื้อชิน นับว่าเป็นพระเครื่องที่มีบทบาทสูง เป็นโลหะธาตุชนิดหนึ่งที่ครองใจผู้คนมานาน นับแต่โบราณความเชื่อและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระเนื้อชินนั้นเป็นรากลึกในจิตใจ ทั้งยังปรากฏเห็นผลให้เล่าขานเลื่องลือตกทอดอย่างต่อเนื่อง 


สัมฤทธิ์
สัมฤทธิ์ หรือ สำริด เป็นโลหะผสมระหว่างทองแดง และดีบุก สัมฤทธิ์บางชนิดอาจมีส่วนผสมของสังกะสี หรือตะกั่วปนอยู่ด้วย สัมฤทธิ์ที่เป็นโลหะผสมของทองแดง นิยมใช้ทำเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรกลที่ใช้กันมากในงานอุตสาหกรรม สัมฤทธิ์แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ตามชนิดและส่วนผสมของสาร คือ
1. สัมฤทธิ์ที่มีดีบุกต่ำกว่าร้อยละ 8 ค่อนข้างอ่อน ตีแผ่ หรือรีดได้ง่าย เหมาะกับงานทั่วๆ ไป
2. สัมฤทธิ์ที่มีดีบุกต่ำกว่าร้อยละ 8 แต่มีสังกะสี หรือตะกั่วผสมอยู่ด้วย เช่น สัมฤทธิ์ 5-5-5 คือ สัมฤทธิ์ที่มีส่วนผสมของดีบุกร้อยละ 5 สังกะสีร้อยละ 5 ตะกั่วร้อยละ 5 ใช้ทำเฟือง และหล่อทำเครื่องสูบน้ำ
3. สัมฤทธิ์ที่มีดีบุกร้อยละ 8-10 อาจมีสังกะสี หรือตะกั่วปนอยู่บ้าง สัมฤทธิ์ชนิดนี้ใช้ทำท่อน้ำ
4. สัมฤทธิ์ที่มีฟอสฟอรัสผสมอยู่ร้อยละ 0.1-0.6 ดีบุกร้อยละ 6-14 สัมฤทธิ์ชนิดนี้ทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเล จึงเหมาะที่จะนำไปใช้ทำชิ้นส่วนของเรือเดินทะเล เช่น ใบพัดเรือ และทำเฟืองเกียร์
5. สัมฤทธิ์ที่มีตะกั่วผสมร้อยละ 8-20 บางชนิดอาจสูงถึงร้อยละ 30 ส่วนดีบุกนั้นมีตั้งแต่ร้อยละ 0-10 ใช้ทำแท่นรองรับ (bearing)
6. สัมฤทธิ์ชนิดที่ใช้ทำระฆัง หรือเครื่องเสียง มีส่วนผสมของดีบุกมากกว่าร้อยละ 30 โดยผสมตะกั่วและสังกะสีลงไปเล็กน้อย

*** จากข้อมูลสัมฤทธิ์(สำริด) ที่นิยมในงานอุตสาหกรรม สรุปได้ว่า สำริด ก็คือ ชิน เป็นโลหะธาตุที่มีส่วนผสม(สูตร)เฉพาะเจาะจงของผู้สร้าง...  ที่วงการพระเครื่องกล่าวขานถึงนั้นเอง