วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

181. พระสมเด็จ พระคาถาชินบัญชร


พระสมเด็จ พระคาถาชินบัญชร

ช่วงก่อนหน้านี้น้ำท่วมใหญ่  คนที่เก็บพระฯหลากหลายพิมพ์ที่เก็บไว้มากมายตั้งแต่สมัยกรุแตก...  โดยเฉพาะพระเนื้อประเภทโลหะ  ซึ่งเป็นประเภทกลัวน้ำ  จะเก็บไว้ชั้นล่างหรือบนดินก็ต้องแบก(ยกสูง)หนีน้ำ  มีน้ำหนักมาก  เก็บมากก็เหนื่อยมาก  เมื่อน้ำลด  จึงต้องระบายออก

ในกระทู้นี้จะกล่าวถึงพระเนื้อโลหะเปียกทอง ในเบื้องต้น วิเคราะห์ด้วยตาเนื้อและจิตใต้สามัญสำนึก

181001 
พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร  ตัวอักษรที่เห็นเป็นพระคาถาฯ มีขนาดตัวเล็กเรียงช่องไฟได้สวยงามมาก  คล้ายกับการออกแบบด้วยเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์ยุคนี้ทำกันแทบจะไม่ผิดเพี้ยน

181002
พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร ขยาย(จับผิด) อักษร จ (จ.จาน) 4 ตัว ในวงกลมสีเขียว มองและสังเกตุให้ดีๆ จะพบว่าคนเขียนแบบแม่พิมพ์ที่ใช้หล่อ  มีขนาดใกล้เคียงกันมาก แต่มีความแตกต่าง ไม่ได้ออกแบบด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ดีดหรือใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มาช่วยออกแบบเหมือนในยุคนี้ แต่เป็นการใช้มือเขียนตัวอักษรได้ขนาดที่ใกล้เคียงกันและจัดระเบียบช่องไฟที่มีขนาดตัวเล็กมากๆ 

181003
พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร ขยาย(จับผิด) อักษร ต (ต.เต่า) ในวงกลมสีแดงๆ อักษรตัว ต.เต่า มีขนาดที่เล็กมากๆ  เมื่อขยายรูป  ทำให้เห็นว่าเป็นการออกแบบด้วยมือบรรจงเขียนทีละตัวอักษรลงบนแบบแม่พิมพ์  เมื่อทำการหล่อเทองค์พระ...จึงเป็นหลักฐานดังรูปที่เห็น 

การทำแม่แบบได้ระดับนี้  ผู้ที่ทำได้จะ่ต้องอาศัยเครื่องมือ ที่ ร.4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงกษาปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระราชทานนามว่า "โรงกษาปณ์สิทธิการ" เป็นโรงกษาปณ์แห่งแรกในประเทศไทย



181004
พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร ขยาย(จับผิด) อักษร น (น.หนู) ในวงกลมสีแดงๆ อักษรตัว น.หนู เมื่อทำการขยายจะเห็นชัดเจนว่า เขียนด้วยลายมือ  ไม่ใช่ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์


ผู้เขียนให้ข้อคิดสักนิดว่า  ถ้าเป็นพระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร  ที่สร้างในยุคนี้ด้วยการใช้คอมผิวเตอร์ช่วยออกแบบ  ไม่สามารถที่จะออกแบบดังรูปที่ขยายได้  และหากจะเขียนด้วยลายมือ  ในยุคนี้ผู้เขียนหน้าไหนจะมีความสามารถเขียนพระคาถาชินบัญชรได้ถูกต้อง  และมีลายมืองดงามได้เช่นนี้

สรุป  เพียงแค่ขยายรูป  วิเคราะห์ด้วยตาเนื้อ  และจิตใต้สามัญสำนึก  เพียงเท่านี้ก็ทราบแล้วว่าไม่ได้สร้างในยุคสมัยนี้  การเขียนด้วยลายมือจะต้องเป็นยุคที่ยังไม่มีเครื่องพิมพ์ เขียนได้ตัวเล็กมากแทบจะ(มองไม่เห็น) แต่อ่านออก  ใครจะทำได้ถ้าไม่ใช่ ช่างสิบหมู่  โปรดทราบเมื่อมีของจริงก็ต้องมีของปลอมนะครับ ถ้าความต้องการมีมากกว่าของจริง


181005

พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร เนื้อโลหะเปียกทอง อธิษฐานโดยสมเด็จฯโต วัดระฆัง เมื่อวาระ พ.ศ.2409


 181006

พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร เนื้อโลหะเปียกทอง อธิษฐานโดยสมเด็จฯโต วัดระฆัง เมื่อวาระ พ.ศ.2409


181007

พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร เนื้อโลหะเปียกทอง อธิษฐานโดยสมเด็จฯโต วัดระฆัง เมื่อวาระ พ.ศ.2409

181008

พระสมเด็จ ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร ลักษณะเช่นนี้ สร้าง สมัย ร.5 (ไม่ทันสมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังษี)


วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

180. พระบรมสารีริกธาตุเสด็จ


เรื่องในกระทู้นี้  ขอเตือนท่านผู้อ่าน  ไม่เชื่อ  ให้วางเฉย  อย่าคิดในทางไม่ดีเด็จขาด จะเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า ผู้ปรามาสจะได้รับกรรมหนัก

พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุพระพุทธสาวก เสด็จมาทางอากาศ มีผู้กล่าวตั้งแต่โบราณสืบมานานถึงปัจจุบัน  ผู้ที่พบเห็นเชื่อศรัทธามีมาก และผู้ที่พบแล้วไม่เชื่อก็มีไม่ใช่น้อย  แต่ผู้ที่ไม่ได้พบเห็นแล้วไม่เชื่อกับช่วยพูดเสริมว่าเสียๆหายๆ  บุคคลดังกล่าว(ที่ผู้เขียนพบ)เมื่อกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์จะไม่สามารถสัมผัสถึงพลังพุทธานุภาพของพระเครื่องได้  เนื่องจากเป็นกรรมที่ได้เคยกระทำไว้ในอดีตชาติ

วันนี้วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้เขียนได้เดินทางไปสถานที่...แห่งหนึ่ง  ซึ่งในการไปครั้งนี้เป็นวาระที่...เบื้องบนได้จัดไว้ล่วงหน้าให้ไปพบเห็นและสัมผัส  ด้วยการให้ไปสถานที่ตั้งที่หนึ่งและเชื่อโยงดั่งลูกโซ่ต่อกันไปจนกระทั่งถึงสถานที่แห่งนี้

ในขณะที่ผู้เขียนหลับตาและเจริญสมาธิสักพักไม่ถึง 10 นาที
--- ผู้เขียนสัมผัสได้ว่ามีวัตถุบางอย่างตกกระทบหลังมือของผู้เขียน
--- ในจิตผุดขึ้นมาว่า พระบรมสารีริกธาตุเสด็จ  เมื่อทราบแล้วจึงวางเฉย(ไม่ได้ลืมตา)หลับตาเหมือนเดิม
--- อึดใจถัดมามีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาตกกระทบชายเสื้อด้านขวา
--- ด้วยความอาจรู้อยากเห็นจึงลืมตาขึ้นมามอง พบด้านหน้ามีวัตถุคล้ายๆกับทราย เม็ดเใหญ่พอสมควรตกอยู่
--- จึงหยิบขึ้นมา  แล้วตั้งจิตสอบถามพระเบื้องบน...ทำให้ทราบว่า สิ่งที่ถืออยู่นี้เป็นพระบรมสารีริกธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ
--- มองไปรอบๆพบเสด็จมาทางอากาศตกมาหลายองค์ (เพื่อความไม่ประมาทมองไปบนฝ้าเพดาน  ไม่พบความผิดปกติใดๆ)
--- ขณะที่มองหาอยู่นั้น มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ ตกมาใส่หน้าตักขวา(เห็นตกกระทบ) จึงหยิบขึ้นมาพิจารณา
--- หลับตาต่อในจิตนึกขึ้นกล่าวว่า มีแต่สีขุ่นๆ  ขอสีสวยๆมาบ้างซิ  ขอชมหน่อย  เวลาผ่านไปสักครู่
--- สังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหู  จะมีเสียดังเหมือนมีวัตถุกระทบกับฝ้าเพดานแล้วสักครู่ตกลงมาบริเวณที่นั่ง
--- พระบรมสารีริกธาตุเสร็จมาอีกหลายองค์มีสัณฐานและสีหลายอย่าง  ดังรูป
--- ระยะเวลาที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาประมาณ 30 นาที(ไม่ได้จับเวลาคาดว่าใช้เวลาประมาณนี้)
--- จำนวนพระบรมสารีริกธาตุที่เสร็จมาได้รับ จำนวน 30 องค์ ทั้งหมดเป็นพระบรมสารีริกธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่ได้รับความเมตตาเสด็จมาให้กับผู้เขียนทางอากาศ

181001
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ จำนวน 30 องค์  
+++มีสัณฐาน+++
*** ขนาดเล็ก   สันฐานดั่งเมล็ดพันธ์ผักกาด
*** ขนาดเขื่อง สันฐานดั่งเม็ดข้าวสาร
*** ขนาดใหญ่  สันฐานดั่งเม็ดถั่วเขียวผ่ากลาง
+++ มีลักษณะวรรณะ(สี)
*** วรรณะแก้วมุกดา
*** วรรณะเพชรใส
*** วรรณะดอกมะลิตูม
*** วรรณะฉัพรังสี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง  (เสด็จมาไม่ครบทุกสี)

181002
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ องค์นี้เป็นองค์ที่ตกใส่หน้าตักซ้ายของผู้เขียน (มองเห็นในจังหวะที่ตกกระทบพอดี) มีวรรณะสีดอกมะลิตูม

181003
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ องค์นี้เป็นองค์ที่ตกใส่ศรีษะ(หัว)ของผู้เขียน มีวรรณะแก้วมุกดา + วรรณะฉัพรังสี(สีคราม) + สีเหลืองทอง

181004
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ มีวรรณะฉัพรังสี ใสดั่งเพชร + สีเหลืองทองอุไร
 

181005
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ มีวรรณะใสดั่งเพชร ฉัพรังสี(สีของพระวิสุทธเทพ)

181006
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ มีวรรณะฉัพรังสี(สีม่วง)

181007
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ มีวรรณะแก้วมุกดา

181008
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ มีวรรณะฉัพรังสี(สีแดง)

บทความเพิ่มเติมวันที่ 22/02/2555 
เมื่อวันจันทร์ที่ 20/02/2555  ผู้เขียนได้ไปอีกครั้งรวมเป็นครั้งที่ 2 ได้พาญาติธรรมท่านหนึ่งไปสัมผัส "พระบรมสารีริกธาตุ เสด็จ"  และผู้เขียนได้รับความเมตตาสังเคราะห์จากพระเบื้องบน...ได้รับพระบรมสารีริกธาตุเสร็จมาทางอากาศในครั้งนี้จำนวน 15 องค์ ดังรูป


181009
พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ จำนวน 15 องค์  

ท่านใดไม่เคยสัมผัสความมหัศจรรย์เหนือโลก ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสพลังของพุทธคุณ ฯลฯ ไม่เชื่อเรื่องต่างๆเหล่านี้  ผู้เขียนขอแนะนำให้ไปสัมผัส  เพื่อจะได้รู้ ทราบ และทำความเข้าใจ ดั่งคำพูดที่ว่า
           สิบปากว่า  ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น  (ตกลงมาจากฟ้า)
           สิบตาเห็น  ไม่เท่าหนึ่งมือคลำ  (สิ่งที่อยู่บนพื้น)
           สิบมือคลำ  ไฉนจะเทียบเท่ากับ  เอามือจับสัมผัสด้วยตนเอง

สถานที่ : ถนนพุทธมณฑลสาย 2  แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวี่วัฒนา กรุงเทพ ฯ 

เดินมาทางถนนบรมราชินี  เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 ข้ามสะพานคอนกรีต(คลองเล็กๆ) ประมาณ 200 เมตร ซ้ายมือจะพบเห็น  สถานปฏิบัติธรรมเป็นอาคารตึก 4 ชั้น


--- เมื่อมาถึงแล้วไม่ต้องอาย ใครถามบอกไป  "มาชมพระธาตุเสด็จ"
--- พร้อมทั้งบอกไปเลยว่ามาครั้งแรก  หรือจะอ้าง ดร.ณัฐชัย แนะนำมาก็ได้ ไม่ว่ากัน  เพราะไม่มีค่านายหน้า  มีแต่ผลบุญที่ได้ให้คนที่ศรัทธาได้พบ ได้เห็น ในสิ่งดีๆครั้งหนึ่งในชีวิต
--- เดินทางมาแล้วไม่ต้องเกรงใจ  เดินขึ้นบันไดจากชั้นล่าง ขึ้นชั้นลอย แล้วขึ้นไปชั้น 2  จะพบเห็นปูพรมสีแดงทั้งชั้น
--- ไปศึกษาเรียนรู้  เพื่อเป็นกำลังใจ พุทโธอัปมาโน มีจริงหรือไม่  เมื่อสัมผัสแล้วจะทราบว่า
         *** นี้คือเรื่องของ อจินไตย (สิ่งที่เกินความคิดของมนุษย์จะเข้าใจได้ ไม่ควรจะไปคิด เพราะคิดไปก็เสียเวลา) 
--- เป็นเรื่องของ ปัจจัตตัง คือ รู้ได้ด้วยตนเอง จะบอกให้คนอื่นรู้เหมือนเราย่อมเป็นไปไม่ได้

สถานที่บ้านบุญเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม  
--- ผู้เขียนไปมาแล้ว 2 ครั้ง และยังจะวนเวียนไปอีกหลายๆครั้ง   
--- และขอกล่าวถึงที่นี่เป็นของแท้  ไม่ได้เป็นสถานที่ต้มตุ๋นอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ  
--- โปรดระวังเรื่องปรามาส โดยเฉพาะเรื่อง พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุ  ที่มีข่าวดัง   
--- ผู้เขียนได้เคยโน้มจิตสอบถามพระเบื้องบน...ได้รับทราบว่าใช่เป็นเรื่องจริง 
--- มีญาติธรรมหลายท่านที่ผู้เขียนได้แนะนำไป  ต่างได้รับพระบรมสารีริกธาตุเสด็จกันทุกคน มีความเชื่อถือและศรัทธาสูง
--- แล้วคุณละสนใจที่จะไปสัมผัสหรือไม่?

เว็บอ้างอิง....สถานที่ปฏิบัติธรรมบ้านบุญ

เว็บอ้างอิง...พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุ 


พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษูธาตุ เบื้องซ้ายและขวารวมกันมีลักษณะเป็นเพชรน้ำงาม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาทางอากาศ

181010  รวมรูป 
พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษูธาตุ  รูปนี้ต้อง SAVE แล้วขยายใหญ่ถึงจะเห็นว่ามีอะไรดีๆ

181011
พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษูธาตุ


แจ้งเพื่อทราบ 6 พ.ย 2555
     ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 สถานที่ปฏิบัติธรรมบ้านบุญ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ปิด
     เนื่องจากพระอาจารย์ ได้ย้ายไปอยู่ที่ประจำที่ วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี  เพื่อดำแลการสร้างพระมหาเจดีย์มงคล ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนจักษุธาตุและพระอรหันตธาตุ 
     ท่านใดมีความประสงค์เดินทางไปชมหรือสัมผัส ให้ไปที่วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี 

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

179. แก้ว แหวน เงิน ทอง


แก้ว แหวน (เงิน) ทอง กรุวัดพระแก้ว มีอยู่มากมายแต่หาคนรู้ได้น้อยยิ่งนัก

ในกระทู้นี้ผู้เขียนจะกล่าวถึง แหวน อันประกอบด้วยแก้วและทองคำ ที่น่าสนใจมากอีกสิ่งหนึ่งที่ได้หลุดออกมาจากกรุวัดพระแก้ว(วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม กรุงเทพ) ตัวแหวนเป็นเนื้อโลหะผสม(โบราณ)  ประเภท แหวนทองคำ และแหวนนาก

หัว แหวนที่พบ มีหลากหลายชนิด ทั้งหินสี  พลอย ต่างๆมากมาย  หัวแหวนบางวงเป็นหัวแหวนที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ยุคอยุธยา  แหวนบางวง พระมหากษัตริย์ เคยสวมใส่มาก่อน(ไม่ขอเอยพระนาม)  

แหวนที่นำมากล่าวในกระทู้นี้จะมีอายุตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายสืบๆมาถึงสมัยรัชกาลที่ 4  จึงกล่าวได้ว่ามีอายุ 150 - 200 กว่าปี

แหวนที่พบมีการลงรักปิดทองคำแปลวแตกต่างกัน 3 ลักษณะ์  
1. เก่าสุดเป็นการลงด้วยรักยางไม้สีน้ำตาล(แข็งแห้งมาก) เมื่อใช้น้ำยาล้างออกยากมาก
2. รองลงมาเป็นการลงด้วยรักยางไม้สีน้ำตาล เมื่อใช้น้ำยาล้างออกง่ายกว่าลักษณะที่ 1
3. ทาผิวด้วยรักสีแดง  การล้างออกได้ง่ายกว่าลักษณะที่ 1 และ 2

แหวน ทั้งหมดได้ผ่านพิธีอธิษฐานจิตหลายครั้ง และ หลวงพ่อสมเด็จพุฒจารย์ โต พรหมรังสี ได้อธิษฐานจิตในปี พ.ศ.2408  เป็นแหวนที่มีพลังพลานุภาพที่แรงพิเศษ 

หินตาเสือ หรือ คดไม้สัก (Tiger's Eyes) เป็นหินแร่ธรรมชาติ ซึ่งจัดว่าเป็นหินตระกูลควอตซ์ โดยทั่วไปจะมีสีเหลือง แดงและน้ำตาล เนื่องจากว่าหินชนิดนี้มีความแวววาวคล้ายกับตาเสือ จึงถูกเรียกว่า หินตาเสือ  ในอดีต นักรบมักจะมีหินตาเสือ เช่น ดาบที่ใช้ในการออกรบจะมีหินตาเสือติดอยู่ที่ฝักดาบ จะช่วยป้องกันอันตรายจากคุณไสย-สิ่งลี้ลับในอดีตเชื่อว่าหินชนิดนี้ จะช่วยป้องกันอันตรายจากคุณไสย-สิ่งลี้ลับ  
 
ของทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัว "คด"ตามพจนานุกรมคำว่า คด หมายถึง ก้อนหินที่มีในสัตว์หรือต้นไม้
เนื่องจากเป็นของแปลก หายาก จึงนำมาเป็นเครื่องรางของขลัง แม้แต่ประเทศในยุโรปก็ตาม และบางประเทศยังเชื่อว่านำมาทำยาได้ด้วย เช่นในประเทศจีนที่"คด"นับถือกันว่าเป็นเครื่องรางของขลัง เช่น คดขนุน คดไม้สัก คดข้าวสาร คดหอย คดปู ฯลฯ  

คดแต่ละคดจะมีอานุภาพไม่เหมือนกัน
คดขนุน คดหอย จะมีอานุภาพทางมหาอุด
คดไม้สัก มีอานุภาพทาง คงกระพัน มักมีเรื่องเล่าจาก"ชาวดง"เสมอ ๆ ว่า ต้นสัก ต้นไหนมีคด อย่าหวังเลยว่า จะโค่นได้...(นิยมนำมาทำเป็นหัวแหวน)
คดข้าวสาร จะมีอานุภาพทางเมตตาและเชื่อว่าหากกินเข้าไปจะวสามารถอดข้าวได้ 7 วัน
คดขมิ้น ทางรักษาอาการปวดเมื่อย
ฯลฯ

หินตาเสือ
มีพลังในการปกป้องคุ้มครองสูง ถ้าวางไว้บนจุดสะดือ จะช่วยให้พลังงานต่าง
ๆ ไหลตรงเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทำให้เรารู้สึกสบาย เหมาะจะให้กับคนล่องลอยหรือคน ที่ไม่สามารถแสดงเจตนารมณ์ ของตนเองออกมาได้ หินตาเสือจะช่วยให้เรามองเห็นพระเจ้า ในรูปแบบของวัตถุทุกชนิด ในเวลาที่เรามีพลังจากความตั้งใจ และช่วยบรรเทาอาการปวดศรีษะจากความเครียดได้

1791001 
เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791002
เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791003

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791004

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791005

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก

1791006

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791007

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791008

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก

 


1791009

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


1791010

เพชรตาเสือ หินตาเสือ หรือ คตไม้สัก(Tiger's Eyes) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ นาก


เพชรตาเสือมีอานุภาพในตัว  คนโบราณต่างรู้จักและนำมาใช้เพื่อปกปักรักษาคุ้มครองตนเองและบุคคลในครอบครัว  ทั้งออกรบ เดินป่า สถานที่อัปมงคล ฯลฯ 

แหวนเพชรตาเสือของกรุวัดพระแก้ว  มีประวัติอันยาวนาน  อีกทั้งผ่านพิธีมากมายหลายพิธี  ผู้ใดชื่นชอบหินประเภทนี้หากยังไม่มีไว้ในครอบครองนับว่าน่าเสียดายของดีในแผ่นดิน  เพชรตาเสือที่พบเห็นในท้องตลาดมีทั้งจริงและปลอม  ของจริงที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีกรรมใดๆพลังน้อยเพียง 0.3 X


แก้ว...ความวิเศษศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่นิยมนับถือมาแต่โบราณกาล มีอานุภาพป้องกันภัย เสริมสร้างราศี โชคลาภ มีอำนาจ บารมี เมตตาในตัวตน ป้องกันไฟ ช่วยให้ร่มเย็นเป็นสุข คุ้มภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ แตน ต่อ ผึ้ง แมลงป่อง ตะขาบสัตว์มีพิษจะไม่ทำร้าย ช่วยให้แคล้วคลาดจากอุปทอันตรายทั้งปวง ประสบผลมาแต่ยุคโบราณแล้ว จัดเป็นแก้วกายสิทธิ์หายาก

 
โบราณได้กล่าวไว้มี แก้ววิเศษ 24 ชนิด เรียงตามลำดับ ดังนี้
1. แก้วมหานิลไชยโชค

2. แก้ววิฑูรย์ (ไพฑูรย์)

3. แก้วนิลผักตบ

4. วิฑูรย์ฝนเสน่หา

5. บัวระกต (มรกต)

6. สุริยประภา

7. แก้วประภาชมชื่น

8. วชิระเป๊กพรหมสามหน้า (เพชร) 
9. วิฑูรย์ขันธะ
10. แก้วปทัมราค (ปัทมราค ,
ปัทมราช)
11. จันทะแพงค่าหมื่น

12. แก้วสุริยะ
 
13. มหานิลทรายคำ
14. แก้วพระญาอินสวร (แก้วพระอิศวร)

15. วิฑูรย์ขนบ้งเทศไหมสน

16. ก๊อแดงผจญปราบแพ้ศัตรู (ทับทิม)

17. แก้วสีปะสีใสสะอาด

18. ปทัมก่าน

19. วิฑูรย์เทศ

20. วิฑูรย์ผิวเผือก

21. แก้วหมอกมุงเมือง

22. เนระกันตี (มรกต)

23. มธุกันตี (มรกต)

24. อินทนิลแก้วเผือก

แก้วมหานิลไชยโชค
แก้วมหานิล
นิล แบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ มหานิล กับนิลน้อย เป็นแก้วสีดำมีหลายชนิด เช่น ดำเหมือนไข่กา ดำเหมือนสีดอกลำโพง และสีเหมือนดอกผักตบ เป็นต้น ตามตำรากล่าวไว้ 12 อย่าง ดังนี้

1. แก้วมหานิลลูกใดมีลักษณะคล้ายลูกหมากซัก คือลูกประคำดีควาย มีค่าได้หนึ่งพัน ทองคำ
2. มหานิลลูกใดมีลักษณะคล้ายประกายทรายอยู่ในแก้วชื่อมหานิลทรายคำ
3. มหานิลลูกใดมีลักษณะแดงพันเกี่ยวเกี้ยวขึ้นชื่อโปก๋า
4. มหานิลลูกใดมีลักษณะคล้ายกับกากงา และเหมือนไข่กา ชื่อมหานิลไข่กา ควรค่าได้แสนทองคำ
5. มหานิลลูกใดมีลักษณะคล้ายไข่ด้าน มีรัศมีเหลืองส่องเข้าไปในแก้วนั้น ชื่อมหานิลเผือก ควรค่าได้หนึ่งพันเงิน
6. แก้วมหานิลลูกใดมีลักษณะอย่างปีกกาลาบ มีรัศมีส่องเข้าไปในแก้ว ชื่อมหานิลนกกาลาบ คือนกพิราบที่มีลำตัวสีเทาปนฟ้า ควรค่าได้หนึ่งพันเงิน
7. แก้วมหานิลลูกใดมีลักษณะดั่งแก่นพริกสุกและเลือดไก่ ชื่อมหานิลเลือดไก่ ควรค่าได้สี่พันเงิน
8. มหานิลลูกใดมีสีคล้ายลูกหมากซัก คือประคำดีควาย ชื่อมหานิลน้ำตั๊บ ควรค่าได้หนึ่งพันเงิน
9. มหานิลลูกใดมีลักษณะเขียวดั่งดอกอัญชัน ควรค่าหนึ่งพันทองคำ
10. มหานิลลูกใดมีลักษณะคล้ายดอกผักตบ ควรค่าหนึ่งพันเงิน
11. แก้วมหานิลลูกใดมีลักษณะดั่งแววคอนกยูง ชื่ออินทนิล ควรค่าหนึ่งแสนทองคำ
12. แก้วมหานิลลูกใดมีลักษณะดำภายใน คล้ายปทัมราค คือปัทมราคเข้าผสมเหมือนดอกไม้เพลิงและผางประทีป ชื่อมหานิลปทัมราคหาค่ามิได้ 

แก้วมหานิลถ้ามีไว้ยังบ้านเรือนของผู้ใด หรือทำเป็นแหวนจะเป็นเศรษฐีมั่งมีทรัพย์สินเงินทอง ช้าง ม้า วัว ควาย ข้าคนมากนักแล

1791011

แก้วมหานิล ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม



1791012

แก้วมหานิล ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


แก้ววิฑูรย์ (ไพฑูรย์)

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ เป็นรัตนชาติ ตามตำรากล่าวไว้ 15 อย่าง ดังนี้

1. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ชื่อวิฑูรย์น้ำหาย ควรค่าได้หนึ่งพันเงิน
2. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายหยดน้ำฝนย้อยชายคา ชื่อวิฑูรย์น้ำค้าง ควรค่าหนึ่งพันเงิน
3. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายน้ำเผิ้ง (น้ำผึ้ง) ชื่อวิฑูรย์น้ำเผิ้ง ควรค่าแสนทองคำ
4. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะใสยาวคล้ายดาวประกายพฤกษ์ ชื่อวิฑูรย์ประกาย ควรค่าแสนทองคำ
5. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายน้ำตาล ชื่อวิฑูรย์น้ำตาล ค่าสี่พันทองคำ
6. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายดอกทาระบุด (ไม่ทราบความหมาย) ควรค่าหนึ่งพัน ทองคำ
7. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายหมากเป้งป่า ควรค่าได้หนึ่งพันทองคำ
8. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายดอกพุทธวงษ์ ควรค่าได้ห้าพันเงิน
9. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายดอกคำมีขนซอนขึ้น ชื่อวิฑูรย์ฝนแสนห่า ควรค่าสี่พันเงิน
10. แก้ววิฑูรย์ขนทราย คือไพฑูรย์ที่มีสีคล้ายขนเนื้อทรายควรค่าห้าพันเงิน
11. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะเขียวก็ดี เหลืองก็ดีขึ้นสนกันอยู่ภายในแก้ว ชื่อว่าวิฑูรย์ขน บ้ง (ขนบุ้ง)
12. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะดั่งได้ปอกใน มีลักษณะคล้ายแก้วประภาชมชื่น มีเงาป้านกลางดั่งเมฆขึ้นในอากาศ มีลักษณะดั่งไข่นกจัน ( คือนกชนิดหนึ่ง ขนาดนกเอี้ยง สีคล้ำ หากินกลางคืน ) มีผิวชุ่มดั่งน้ำค้างจับอยู่นั้น ชื่อวิฑูรย์เทศไข่ฟ้า ควรค่านับมิได้
13. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายน้ำค้างอยู่ปลายยอดหญ้า และใบไม้ ชื่อวิฑูรย์น้ำค้าง ควรค่าแสนทองคำ
14. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายน้ำไหลอยู่ในแก้วนั้น และมี ลักขณะคล้ายเหนี่ยงงำรัง (แมลงปีกแข็งสีดำ) ชื่อวิฑูรย์เทศฟองสมุทร ควรค่าหนึ่งพันทองคำ
15. แก้ววิฑูรย์ลูกใดมีลักษณะคล้ายน้ำผึ้ง มีไหมแสดแดง แสดเหลืองผ่านกลางคล้าย น้ำไหล ชื่อมธุปทัมก่าน ควรค่าแสนคำแล

1791013

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791014

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791015

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791016

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791017

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791018

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791019

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791020

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791021

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม



1791022

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

 


1791023

แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) สีน้ำผึ้งน้ำใสพบน้อยมาก  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม



1791024

แก้วโป่งข่าม  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม
 


1791025

แก้วโป่งข่าม  ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


แก้วและหินกายสิทธิ์ที่มีอานุภาพมากที่สุดที่ผู้เขียนพบ  ผู้เขียนขอยกให้เป็น แก้ววิฑูรย์ หรือไพฑูรย์ (โป่งข่าม) เป็นแก้ว...เก่าแก่ของแผ่นดินไทยในสมัยโบราณสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงยุคปัจจุบัน   ผู้มีบุญญาธิการในอดีตเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ  แหวนเหล่านี้ได้ออกมาจากกรุวัดพระแก้วผู้ใดมีไว้ครอบครองนับว่าเป็นโ่ชคและบุญวาสนาโดยแท้...

1791026

แก้วเนื้อลำไย    ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


 1791027
 แก้วแร หมอกฟ้าควันบุหรี่ ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

 1791028
 แก้วแร หมอกฟ้าควันบุหรี่ ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม
 
  
1791029
 แก้วแร หมอกฟ้าควันบุหรี่ ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม



1791030
 แก้วแร หมอกฟ้า กลางวงสีดำ ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม
 

1791031
 แก้วแร  กลางวงสีแสด ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791032
 แก้วแร  กลางวงสีแสด ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791033
 แก้วแร  อมสีเขียว ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791034
แก้วสีแดง (สุริยะประภา) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791035
หยกเขียว (โบราณ) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791036
หยก สีเขียว (โบราณ) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791037
หยก สีเขียว (โบราณ) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791038
หยก สีเขียว (โบราณ) ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม
 
ชาวจีนมีความเชื่อว่า
- หยกมีอำนาจคุ้มครองผู้สวมใส่ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย 
- เป็นเครื่องรางบอกเหตุได้ว่าผู้สวมใส่กำลังมีโชคหรือมีเคราะห์อย่างไร สังเกตได้จากสีของหยก หากหยกมีสีสันสดใส หมายความว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีโชค แต่ถ้าหากหยกมีสีหมองลงหรือมองเห็นรอยแตกร้าวชัดขึ้นก็แปลว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีเคราะห์มาเยือน

1791039
หิน สีเขียวเข้ม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791040
หิน สีเขียวเข้ม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791041
หิน สีเขียวเข้ม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม


1791042
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791043
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791044
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791045
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791046
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791047
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

1791048
หิน สีทับทิม ตัวเรือนแหวนเป็นเนื้อ ทองคำ ผสม

กำลังรวบรวมข้อมูล และรูปภาพ


พลังอนุภาพของหินชนิดต่างๆ มีทั้งพลังที่เหมือนกัน  และแตกต่างกัน  พลังอนุภาพของหินที่ผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกตามพิธีกรรมโดยหลวงพ่อ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี  ย่อมมีพลังอนุภาพมากกว่าหินที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีกรรมใดๆ

ในกระทู้นี้ผู้เขียนจะไม่กล่าวว่าแหวนแต่ละวงแต่ลงแต่ละชนิดมีความแรงเป็นกี่เท่า  เมื่อเทียบกับพลังอนุภาพของพระสมเด็จที่มีกำลัง 1X, 5X, 10, ฯลฯ จนถึงพลัง...ไร้ขีดจำกัด  แต่ผู้เขียนจะกล่าวถึงแหวนแต่ละชนิดมีพลังงานของแสงออร่าในตัวแหวนแต่ละชนิดมีสีของออกร่าประกอบด้วยสีหลักๆอะไรบ้าง

ความรู้เกี่ยวกับสีออร่า