วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

235. วิเคราะห์พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข องค์ครู

จากกระทู้ที่ 235 เป็นต้นไป ผู้เขียนจะนำพระกริ่งปวเรศ พิมพ์ต่างๆ มาวิเคราะห์ เป็นกรณีศึกษา เพื่อสำหรับท่านที่กำลังศีกษาทั้งที่มีพระกริ่งปวเรศและไม่มีพระกริ่งปวเรศ

ในกระทู้นี้จึงได้นำพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข องค์ต้นแบบ เนื้อเงิน และก้นประกบเนื้อเงินมาวิเคราะห์เล่าสู่กันฟัง

ภาพด้านหน้าของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู องค์นี้จะมีความแตกต่าง คือ ขนาดใหญ่กว่าพระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขทั่วๆไป ทั้งขนาดลำตัวและส่วนสูง แต่มีรอยตุ๊กตู่ที่บริเวณศรีษะตำแหน่งตรงกัน เพียงแต่มีขนาดต่างกันเล็กน้อย สาเหตุ... ขอกล่าวลงในรายละเอียดในภายหลัง

ภาพด้านหน้าข้างซ้ายของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู

ภาพด้านหน้าข้างขวาของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู


ภาพด้านหลังของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู

ภาพศรีษะด้านหน้าของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. ยอดบนสุดของศรีษะ...
2. การเกลาเนื้อโลหะรอบๆใบหน้า...และส่วนอื่นๆ
3. การตอกตุ๊กตู่ซ้ำรอยเดิม มีการตอกที่ลงน้ำหนักไม่เท่ากันในแต่ละวง
4. การเกลาแต่ง ตา จมูก ปาก และข้างมุมปากตอกเป็นจุดกลมลึก


ภาพศรีษะด้านหลังของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. ยอดบนสุดของศรีษะ...
2. การเกลาเนื้อโลหะรอบๆหลังใบหู
3. การตอกตุ๊กตู่ซ้ำรอยเดิม มีการตอกที่ลงน้ำหนักไม่เท่ากันในแต่ละวง
4. การเกลาแต่ง เส้นจีวรจากด้านหน้ามาด้านหลัง
5. ด้านหลังบริเวณศรีษะการหล่อของโลหะไม่สมบูรณ์ พบเห็นตำหนิของโลหะที่วิ่งไม่สม่ำเสมอจากการหล่อโลหะที่เกิดขึ้นด้วยวิธีหล่อโบราณ ไม่ใช่พระกริ่ง...ที่ทำปลอมเรียนแบบด้วยการฉีดดังเช่นการสร้างพระเก๊ พระปลอมในยุคปัจจุบัน


ภาพศรีษะด้านข้างซ้ายของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. ยอดบนสุดของศรีษะ...
2. การเกลาเนื้อโลหะรอบๆหลังใบหู
3. การตอกตุ๊กตู่ซ้ำรอยเดิม มีการตอกที่ลงน้ำหนักไม่เท่ากันในแต่ละวง

4. ด้านหลังบริเวณศรีษะการหล่อของโลหะไม่สมบูรณ์ พบเห็นตำหนิของโลหะที่วิ่งไม่สม่ำเสมอจากการหล่อโลหะที่เกิดขึ้นด้วยวิธี หล่อโบราณ ไม่ใช่พระกริ่ง...ที่ทำปลอมเรียนแบบด้วยการฉีดดังเช่นการสร้างพระเก๊ พระปลอมในยุคปัจจุบัน

ภาพศรีษะด้านข้างซ้ายของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. ยอดบนสุดของศรีษะ...
2. การเกลาเนื้อโลหะรอบๆ ใบหู และรูหู ด้วยความปราณี งดงาม ของฝีมือช่างชั้นสูง
3. การตอกตุ๊กตู่ซ้ำรอยเดิม มีการตอกที่ลงน้ำหนักไม่เท่ากันในแต่ละวง
4. การเกลาแต่ง เส้นจีวรจากด้านหน้ามาด้านหลัง




ภาพลำตัวด้านข้างซ้ายของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ

1. การเกลาเนื้อโลหะของจีวรที่หน้าอกเส้นคู่  จีวรแขนซ้าย และปลายจีวรแนบติดกับขาซ้าย ด้วยความปราณีต งดงาม ของฝีมือช่างชั้นสูง
2. การเกลาแต่งหม้อน้ำมนต์
3. การเกลาแต่ง มือ รวมทั้งเท้า และฝ่าเท้าที่เผยให้เห็นนิ้วเท้า 4 นิ่ว(จีวรปิดบัง 1 นิ้ว) ด้วยความปราณี งดงาม  ฝีมือช่างชั้นสูง ของช่างสิบหมู่ในยุคสมัย รัชกาลที่ 4

ภาพลำตัวด้านข้างขวาของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ

1. การเกลาเนื้อโลหะของจีวรที่หน้าอกเส้นคู่  จีวรแขนซ้าย จีวรใต้รักแรขวา และ จีวรแขนซ้าย ด้วยความปราณีต งดงาม ของฝีมือเชิงช่างชั้นสูง
2. การเกลาแต่งหม้อน้ำมนต์
3. การเกลาแต่ง มือ รวมทั้งเท้า ด้วยความปราณี งดงาม  ฝีมือช่างชั้นสูง ของช่างสิบหมู่ในยุคสมัย รัชกาลที่ 4

ภาพลำตัวด้านหน้าของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
     ในวงกลมสีแดง ที่วงเอาไว้  เป็นตำหนิที่เกิดจาก เครื่องไม้เครื่องมือในยุคโบราฯที่ใช้จับยึดองค์พระกริ่ง...เพื่อใช้ในการเกลาตบแต่งองค์พระกริ่ง...จะพบเห็นร่องรอยเหล่านี้ชัดเจนในองค์ที่ได้มีการเกลาตบแต่งองค์พระกริ่ง...และร่องรอยตำหนิของเครื่องมือแต่ละยุคแต่ละสมัยได้มีการพัฒนา  ทำให้ทราบถึงวิวัฒนาการของเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ และทราบถึงวาระการสร้างต่างวาระ ต่าง พ.ศ. อีกทั้งทำให้ทราบว่าองค์ใดเป็นฝีมือช่างคนเดียวกันที่เกลาตบแต่งองค์พระกริ่ง...เพราะประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยเดิมเสมอ

ภาพลำตัวด้านหน้าของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. การเกลาเนื้อโลหะของ  จีวรแขนซ้าย ด้วยความปราณีต งดงาม ของฝีมือเชิงช่างชั้นสูง
2. การเกลาแต่งหม้อน้ำมนต์
3. การเกลาแต่ง มือ รวมทั้งเท้า
4. รวมไปถึงการเกลาตบแต่งผ้าทิพย์ที่อยู่ใต้มือซ้าย  ด้วยความปราณี งดงาม  ฝีมือช่างชั้นสูง ของช่างสิบหมู่ในยุคสมัย รัชกาลที่ 4


ภาพลำตัวของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. การเกลาแต่งรูปริมฝีปากบน(มีท่านอาวุโสท่านหนึ่งเรียกพิมพ์ปากหนา) และ เห็นฟันด้านใน ได้งดงาม มีรอยรักยิ้ม ลึกตอกเป็นจุดมุมปากซ้ายขวา...


2. การเกลาแต่ง เส้นจีวรจากด้านบ่ามาบรรจบที่หม้อน้ำมนต์ได้ตรงคมชัด งดงาม
3. เอกลักษณ์ของพระกริ่งพิมพ์สมบูรณ์พูนสุข อีกจุดหนึ่งคือ ไหล่ขวาจะต้องสูงกว่าไหล่ซ้าย เล็กน้อย ซึ่งเกิดจากท่าการวางมือซ้ายที่ต้องยื่นแขนไปด้านหน้าเพื่อให้หม้อน้ำมนต์อยู่บนฝ่ามือ



ภาพลำตัวช่วงล่างของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. การเกลาแต่งรูปมือซ้าย รับกับหม้อน้ำมนต์ได้สมส่วนแนบกับลำตัว
2. การเกลาแต่ง เส้นจีวรจากเส้นฝ่าเท้า เส้นมือ มีมิติ งดงาม สมส่วน
3. การเกลาแต่ง นิ้วเท้าและฝ่าเท้าล้วนมีความงดงามสมบูรณ์ ไม่เล็กเกินไป และไม่ให้มากเกินไป

ภาพฐานของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
1. การเกลาแต่งฐานบัว ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง มีมิติ งดงาม สมส่วน สมบูรณ์ ไม่เล็กเกินไป และไม่ให้มากเกินไปและมีความคมชัดของร่อง และเส้นสายต่างๆ ตามขนาดและรูปทรงที่ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่เริ่มต้น  ซึ่งไม่ใช่เป็นการลอกเรียนแบบ แล้วมาหัดตบแต่ง ผู้เขียนมั่นใจว่าในยุคสมัยนี้ มีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย จริง  แต่หาช่างที่มีฝีมือที่จะมาตบแต่งได้ถึงงดงามหาที่ติดไม่ได้ขนาดนี้ไม่มี
2. แผ่นประกบใต้ฐานพระกริ่ง ตบแต่งงดงามแนบสนิท





ภาพก้น(แผ่นปิดประกบก้น)ของ
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนเสุขเนื้อเงิน องค์ครู
ให้สังเกตุ
         ความเก่าของโลหะเนื้อเงิน ที่กลับดำ(อมสีน้ำตาล) ขึ้นเขียวเพราะความเก่าที่มีอายุ สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4  ลักษณะความเก่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเกินกว่า 100 ปี ไม่มีมนุษย์ที่ไหนสามารถสร้างหรือทำเรียนแบบด้วยน้ำยาเคมีหรือตัวช่วยใดๆให้เหมือนได้ด้วยระยะเวลาสั้นๆ

 ดังนั้น 
กลุ่มคนที่ไม่มีพระกริ่งปวเรศ ของจริง เห็นแต่ในหนังสือ นั่งคิดไปเอง ว่าต้องเป็นอย่างโน้น ว่าต้องเป็นอย่างนี้ ยังไงก็ไม่ใช่  เพราะไม่มีของจริงอยู่ในมือ... อีกทั้งยังไม่เคยพบเห็นของจริง ดันมาแสดงความคิดเห็น ยิ่งกว่าฮา...

ที่ใดมีของจริง ของไม่พอกับความต้องการของมวลชน ที่นั้นไม่นานก็จะมีของเก๊-ปลอมเรียนแบบ  ไม่มีการยกเว้น พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข ที่ผู้เขียนเห็นในท้องตลาด มีสร้างทำปลอมมากมาย
ที่พบ มีปลอมเนื้อนวะโลหะสัมฤทธิ์(เนื้อเหลือง, แดง) เนื้อทองคำ ล้วนแต่มีทำปลอมทั้งสิ้น  มีทั้งประเภท หมุดปลอม สร้อยสังวาลย์ปลอม แผ่นประกบก้นเงิน ก้นทอง ปลอมมากมายจริงๆ

ยังมีอีกกลุ่มคนประเภทหนึ่ง บังเอิญได้พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข อยู่ในครอบครอบ อ้างไว้ก่อน พ.ศ. 2434 พวกนี้ก็เป็นประเภทมั่วนิ่มๆ  ที่จริงแล้วพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุขมีสร้างเริ่มแรกใน พ.ศ.2394 ตั้งแต่สมัย ร.4 ทรงขึ้นครองราชย์ สืบมาถึง ไล่มาอีกหลายยุค หลายวาระที่สร้าง ต่าง พ.ศ.  เกี่ยวข้องกับผู้สร้างหลายกลุ่ม เช่น ที่ผู้เชียนพบและได้สัมผัสว่ากันเฉพาะ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข ประกอบด้วย
1. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2394
2. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2397
3. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2398
4. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2410
5. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2411
6. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2412
การสร้างทั้ง 6 วาระนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆัง มีส่วนร่วม เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้อธิษฐานจิตปลุกเสก  จึงเป็น พระกริ่งปวเรศสุดของเมืองไทยพิมพ์หนึ่ง

7. พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ. 2416 - พ.ศ.2434 ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นอธิษฐานจิต โดยเฉพาะ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก 
         พระกริ่งปวเรศ ... ที่สร้าง ใน พ.ศ.2416 - พ.ศ.2434 
ผู้เขียนเรียกว่า พระกริ่งกรมพระยาปวเรศ ไม่ใช่พระกริ่่งปวเรศ (แต่มีพิมพ์ทรงเหมือนกัน) 
         ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จโต วัดระฆังไม่ได้อธิษฐานจิตปลุกเสก จึงมีพุทธคุณด้อยกว่า พระกริ่ง...ที่สร้างในยุควาระ ก่อน พ.ศ. 2415 

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข ที่สร้างตั้งแต่ พ.ศ.2410 - พ.ศ.2434  เฉพาะเนื้อนวโลหะ วรรณะสีผิวใกล้เคียงกัน(ใช้สูตรส่วนผสมเกือบจะเหมือนกัน) 

ใครมีพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข ให้เก็บรักษาเป็นมรดกให้ลูกหลานครับ ถึงแม้นจะมีการสร้างไว้พอสมควร แต่ก็ยังน้อยกว่าคนที่อยากได้ครอบครอง เมื่อถึงเวลาที่เขาเชื่อ ยอมรับ อยากจะมีในครอบครอบราคาไม่ใช่เช่นทุกวันนี้ ถีบตัวสูงไปกว่านี้อีกมาก  เพราะของจริงไม่สามารถสร้างเสริมได้ ยกเว้นของปลอมที่ ณ เวลานี้มีอยู่ในตลาดเต็มไปหมด

ซึ่งผู้เขียนได้ครอบครอบไว้จำนวนหนึ่ง  มีทั้งแบ่งปันให้ญาติธรรมไปบูชา และนำไปถวายให้พระสงฆ์องค์เจ้าจำนวนหนึ่ง และอีกจำนวนหนึ่งเก็บไว้ในกรุฯ รอผู้มีบุญ(เนื้อคู่)มารับไป

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุขที่ผู้เขียนพบ มีอยู่หลายแหล่งด้วยกัน ดังนี้
1. จากอดีตพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้ตกทอดมาถึงทายาทในปัจจุบัน
2. จากอดีตขุนนาง ที่ได้ตกทอดมาถึงทายาทในปัจจุบัน
3. จากคหบดีรุ่นทวด ที่ได้ตกทอดมาถึงทายาทในปัจจุบัน
ทั้ง 3 แหล่งนี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีนามสกุลดังของประเทศทั้งสิ้น
4. จากท้องตลาดที่มีการหมุนเวียนของวัตถุมงคล  มีทั้งที่หลุดออกมาจากทายาทที่ตกทุกข์ได้ยาก และของที่ถูกขโมยหลุดออกมาสู่ตลาด จากวันเป็นปีและผ่านมาหลายสิบปีถึงปัจจุบัน

ผู้ที่ได้ครอบครองกล่าวได้ว่าในอดีตชาติล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น มีส่วนร่วมทางหนึ่งทางใด หรือมีญาติผู้ใหญ่ในอดีตชาติสงเคราะห์ให้ได้ครอบครอง

เรื่องพุทธคุณไม่ขอกล่าวถึง  เพราะผู้เขียนได้เคยเขียนกล่าวถึงในก่อนหน้า และในตำราเกี่ยวกับพระกริ่ง...ก็ได้มีผู้กล่าวและอ้างอิงมากมาย

โปรดติดตาม...ในกระทู้ต่อๆไปผู้เขียนจะนำพระกริ่งปวเรศที่ทันเจ้าพระคุณสมเด็จโตมา วิเคราะห์เล่าสู่กันฟัง...อีกหลายพิมพ์

*** หมายเหตุ  
ภาพทั้งหมดที่ถ่ายรูป
สีจริงขององค์พระกริ่งปวเรศ...กับในรูปมีความแตกต่าง
ความละเอียดไม่สามารถถ่ายทอดด้วยฝีมือการถ่ายภาพที่ไร้อันดับ(ห่วย)ของผู้เขียนได้  
ความสมจริงผู้เขียนให้ 70%












วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

234. เหรียญทองคำที่แพงที่สุดในโลก

กระทู้ 233 ที่ผ่านมาได้แนะนำการดูเหรียญทองคำ
และเพื่อให้ต่อเนื่องจึงได้ขอนำข้อมูลเหรียญทองคำที่มีการซื้อขายแพงที่สุด ณ เวลานี้ที่มีผู้กล่าวถึง เหรียญหลวงพ่อโสธร ทองคำ 2460 ซื้อ-ขายที่ราคา 10 ล้าน 3 แสนบาท เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
อ้างอิงจากเว็ป...http://www.prasomdej.com/index51250.html

การศึกษาดู
เหรียญหลวงพ่อโสธร 2460 ให้โหลด SAVE ภาพจากบล๊อก และ ZOOM IN หรือขยายภาพให้ใหญ่ๆ  จากเหรียญจริงที่ผู้เขียนนำภาพมาให้ศึกษา เพียงเท่านี้ท่านก็เหมือนกับมีเหรียญจริงให้ศึกษาถึงหน้าจอคอมที่บ้าน ชัดเจนยิ่งกว่าใช้กล้องส่อง 10x


 

วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

233. วิธีดูเหรียญทองคำ

คนที่ไม่มีเหรียญที่มีอายุ 70 - 100 ปี อีกทั้งยังเห็นน้อย ยากที่จะกล่าวได้ว่าการดูเหรียญดูอย่างไร?
ทำได้โดยการดูตำราที่มีผู้เขียนขึ้นว่าด้วยตำนิหรือจุดตายต่างๆ 

ในกระทู้  ผู้เขียนจะชี้จุด หรือ วิธีการดูเหรียญทองคำ ง่ายกว่า ดูเหรียญทองแดง  พบที่ไหนใครบอกว่าเก๊ เก็บครับ

ทำไมถึงแนะนำให้ศึกษาเนื้อทองคำ เพราะเนื้อทองคำเป็นเหรียญพระ...ที่กดก่อนเหรียญเนื้อโลหะประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเงิน เนื้อทองแดง ฯลฯ อีกทั้งเนื้อทองคำยังเป็นโลหะเนื้ออ่อน จึงมีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นร่อยรอยการตบแต่ง และร่องรอยความผิดพลาด มีให้พบเห็นมากกว่า

เหรียญแรกที่จะนำเสนอเป็นเหรียญกรณีศึกษา 

เหรียญสมเด็จพุธโฆษาจารย์ เจริญ เนื้อทองคำ
*** ให้สังเหตุเอาเองนะครับ เช่น 
ตัว....  
ตัว...  
ัว...
ัว... สระ อุ ลักษณะเส้นนูน มีเม็ดๆเกาะ ลักษณะเม็ดๆนี้จะพบเห็นในเนื้อทองคำมากที่สุดและเนื้อเงินน้อยกว่าเนื้อทองคำ และเนื้อทองแดงจะมีพบเห็นแต่ไม่มาก  ดังนั้นเม็ดๆเล็กๆเหล่านี้จึงเป็นจุดตายของการดูเหรียญ...ในยุคเก่า 
เส้นเกศา และคิ้วจะมีเอกลัษณะเฉพาะดูแล้วจำไว้ครับ 
+++เพราะของปลอมไม่มีเหรียญทองคำที่จะใช้ทำปลอม เมื่อทำปลอมจึงมีความคมชัดและลักษณะเฉพาะที่กล่าวไว้ข้างต้นขาดหายไป

เหรียญสมเด็จพุธโฆษาจารย์ เจริญ เนื้อทองคำ
ให้สังเหตุและจำ ร่องนูน ที่เกิดตำหนิเป็นเส้นเล็กๆของเส้นนูน และเม็ดๆที่เกิดบนเส้นนูนจะต้องมี
--- เนื้อเงินมีตำหนิความคมชัดน้อยกว่า เนื้อทองคำ และเนื้อทองแดงความคมชัดน้อยกว่าเนื้อเงิน 



เหรียญหลวงปู่เอี่ยววัดหนัง ทองคำ
--- เอกลักษณะของเหรียญ คือ ความคมชัด และเส้นตำหนิต่างๆ
--- เม็ดเล็กๆ บนเส้นนูนต่างๆ หรือ จุดที่ช่างได้ตบแต่งหน้าเหรียญ(ผิวบล็อก...) 




ด้านหลังเหรียญ
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เนื้อทองคำ 
***ให้สังเกตุ
--- รอยเส้นนูนที่เป็นเม็ดเล็กๆ 
--- ร่องรอยการขูดตบแต่งเส้นนูนที่ทำให้เกิดเส้นเล็กๆบางๆบนเส้นนูน 





ด้านหลังเหรียญ
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เนื้อเงิน
***ให้สังเกตุ
--- รอยเส้นนูนที่เป็นเม็ดเล็กๆ  จะพบเห็นและมีตำหนิเช่นเดียวกันกับเนื้อทองคำ แต่มองยากกว่า เนื่องจากเนื้อเงินกลับดำ
--- ร่องรอยการขูดตบแต่งเส้นนูนที่ทำให้เกิดเส้นเล็กๆบางๆบนเส้นนูน

เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เนื้อเงิน อีกเหรียญหนึ่งนำมาเปรียบเทียบเป็นกรณีศึกษา


เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เนื้อทองแดง
***สังเกตุ
--- ตำหนิต่างๆของเหรียญทองแดง ซึ่งเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติแข็งกว่าเนื้อทองคำ และเนื้อเงิน ตำหนิที่เกิดขึ้นจึงมีความคมชัดน้อยกว่า 






และเหรียญ หลวงปู่เอี่ยม วัดหน้ง เนื้อทองแดง เหรียญ(ด้านล่าง)  มีหลายๆ จุดที่แตกต่าง ศึกษาดูนะครับ ไม่อยากชี้
แต่สรุปสั้นๆให้ ดังนี้
--- เส้นของเหรียญ...3 เหรียญด้านบน ไม่ใหญ่ แต่เหรียญนี้เส้นใหญ่ 
--- 3 เหรียญบน มีจุดที่ไม่คมชัด แต่เหรียญนี้ชัดเจน เป็นต้น
--- หรียญด้านล่างนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นเหรียญปลอมนะครับ ชี้ให้ทราบว่า 3 เหรียญด้านบนกับเหรียญด้านล่างมีความต่างกัน




เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ เนื้อทองคำ พิมพ์ขอเบ็ด
เนื้อทองแดง เขาเล่าว่าเล่นกัน 8 หลัก ส่วนเนื้อทองคำ เซียนที่ไม่มีจึงไม่ยอมรับว่ามีของแท้  แต่มีบางกลุ่มที่ผู้เขียนทราบไล่เก็บเข้ากรุแบบเงียบๆ  และเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯที่ผู้เขียนพบมีของปลอมเรียนแบบ แต่ไม่เหมือนถ้าท่านฯเคยเห็นของจริงจะทราบว่ามีความแตกต่าง ดูขาดดูออกว่าเหรียญไหนแท้เหรียญไหนปลอม พบขอแท้ให้เก็บครับ
***ให้สังเกตุ
--- เอกลักษณะของคราบสนิมทองคำ ที่ของปลอมยังทำได้ไม่เหมือน
--- ความคมชัดของเหรียญ เช่น ตำหนิในเส้นนูนเส้นเล็กๆที่พบเห็นเฉพาะเหรียญหลวงพ่อกลั่น เนื้อทองคำ 
--- เม็ดๆเล็กๆ บนเส้นนูนต่างๆ ที่เป็นตัวอักขระ
--- รอยขีดขูดต่างๆที่วิ่งตามตัวอักษร เส้นบางๆ ที่ไม่มีในเหรียญทองแดง

เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ เนื้อทองแดง ขอเบ็ด
***ให้สังเกตุ
--- เรียนรู้จากเหรียญทองคำ จะพบเห็นอะไรที่แตกต่างแต่ไม่คมชัดเท่ากับเหรียญทองคำ

เหรียญหลวงปู่ศุข เนื้อทองคำ


เหรียญหลวงพ่อฉุย
เปรียบเทียบเหรียญทองคำและเหรียญเงินเป็นกรณีศึกษา

หากจะนำเหรียญทองคำมาศึกษาทั้งหมด จะเป็นการยุ่งยากมากเกินไป จึงนำมาเป็นตัวอย่างเล็กน้อย

ในกระทู้นี้โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อฉุนเนื้อทองคำ และเหรียญเนื้อเงิน เปรียบเทียบได้ชัดเจนมากคู่หนึ่ง

และไม่ว่าเหรียญอะไรหากหมั่นสังเหตุสักนิดจะพบความแตกต่าง คือ เหรียญทองคำจุดที่มีตำหนิจะมีความคมชัด ส่วนเหรียญเงิน จะมีความคมชัดน้อยกว่า ด้วยลักษณะเช่นนี้หากท่านมีเหรียญแท้ไม่ว่าจะเป็นเหรียญเงิน หรือเหรียญทองแดง จะเป็นเรื่องไม่ยากที่จะได้เหรียญทองคำมาครอบครอง ถ้ามีโอกาสได้พบเห็น ศึกษาเองทราบเอง ไม่ต้องไปสนใจเซียนตำราที่อ้างแต่ของมังแท้ ของคนอื่นเก๊

สิ่งสุดท้ายไม่ใช่ท้ายสุด วัตถุมงคลมีไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและพกพาห้อยคอ เพื่อพึ่งพาขอพระท่านเมตตาสงเคราะห์...108 พัน เก้า  แต่ถ้าสะสมเพื่อทำกำไร ท่านจะต้องหาเนื้อคู่ของท่านเอาเอง

คนซื้ออยากซื้อถูกที่สุด  คนขายอยากขายได้ราคาแพงที่สุด  และในตลาดมีแต่คนขาย  คนซื้ออยู่ที่ไหนวานบอกฉันหน่อย...

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

232. พระสมเด็จ มวลสารพิเศษ

หากกล่าวถึงพระสมเด็จเรื่องเกี่ยวกับมวลสารสามารถแยกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. มวลสารที่ใช่และสร้างถูกต้องตามพิธีกรรม เซียน...ทั้งหลายยอมรับ
2. มวลสารที่ใช่และสร้างถูกต้องตามพิธีกรรม เซียน...ทั้งหลายไม่ยอมรับ เพราะไม่อยู่ในสาระบบ
3. มวลสารที่ไม่ใช่ และสร้างไม่ถูกต้องตามพิธีกรรม 

ผู้เขียนได้พบพระสมเด็จมวลสารพิเศษเมื่อหลายปีก่อน  ลักษณะของสีขาวคล้ายสีน้ำนม พระองค์นั้นไม่ทราบว่าไปซุกเก็บไว้ที่ใด  แต่มาวันนี้ ได้พบพระมวลสารเนื้อสีแดงชนิดพิเศษ จึงได้ลงทุนซื้อมาเพื่อเปิดเผยเป็นวิทยาทาน

มวลสารพิเศษนี้  เป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้  แต่น้อยคนจะทราบ เช่น พระสมเด็จปิดทองทั้งองค์  พระสมเด็จบุทอง บุเงิน และพระสมเด็จติดแผ่นทองด้านหน้าด้านหลัง ลักษณะพระเครื่องทำนองนี้ที่สำคัญน้ำหนักจะเบาๆ

พระชุดเหล่านี้จะมีความเด่นพิเศษ ด้านเหนียว อยู่ยงคงกระพัน 

พระสมเด็จมวลสารพิเศษนี้ที่เข้าใจ จะมีสีขาวคล้ายสีน้ำนม สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงินฯลฯ

พระองค์ที่ 1 
พระสมเด็จด้านหลังฝังเหล็กไหลชนิดดูดติด
พระสมเด็จเนื้อแดง มวลสารพิเศษด้านหลังฝังเหล็กไหล องค์นี้คนไม่สันทัดในการดูพระเครื่องมองยังไงก็เก่า เนื้อสวยจริงๆ อีกทั้งด้านหลังยังฝังเหล็กไหล ปิดทองคำเก่าทั้งองค์ สุดยอดดดดดดดดดดดด
 


พระองค์ที่ 2
พระรูปเหมือนสมเด็จโต ด้านหลังฝังเหล็กไหลชนิดดูดติด
พระสมเด็จเนื้อแดง รูปเหมือนเจ้าพระคุณสมเด็จโต พรหมรังสี วัดระฆัง ด้านหน้ามีหินสีเขียวส่องประกายแสงงดงาม(มีตำหนินิดหน่อย) ด้านหลังฝังเหล็กไหลชนิดดูดติด เนื้อสวยเหมือนกับองค์ที่ 1 คนหัดดเล่นสะสมดูยังไงก็เก่าได้อายุ น่าสะสมสุดยอดดดดดดดดดด อีกองค์หนึ่ง

 

อะไรก็สุดยอดดดดดด ไปหมด 
มาดูผลวิเคราะห์ว่าสุดยอดยังไง  ด้วยวิธีล้างด้วยผงซักฟอก แล้วใช้แปรงสีฟันขัดๆถูๆ 

องค์ที่ 1 ภายหลังจากที่ล้างทำความสะอาด
สังเกตุสักนิดจะพบว่า มวลสารสีแดงๆ แท้ที่จริงแล้ว คือ พลาสติก สีแดง ด้านหน้าเห็นมีเส้นขน เป็นขนแปรง
ด้านข้างขอบซุ้มมีรูของฟองอากาศ ทำให้มองคล้ายกับการยุบตัว  มองยังไงก็เห็นแต่เนื้อพลาสติกสีแดง
มองผ่านๆ อย่างพึ่งหลงดีใจว่าเป็นเหล็กไหลชนิดดูดติด ที่จริงแล้วเป็นแม่เหล็ก สีทองมองผ่านๆคิดว่าเป็นทองคำเปลวแท้ที่จริงแล้วเป็นสีวิทยาศาสตร์ ทาในช่วงที่พลาสติกยังไม่แข็งตัวเต็มที่
มองดูดีๆจะเห็นรอยตะไบขัดตบแต่ง

องค์ที่ 2 ภายหลังจากที่ล้างทำความสะอาด
มองจุดไหนก็เป็นเนื้อพลาสติก ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ามีผงพระผสมอยู่
เอาหินสีเขียวมาวางหลอกล่อผู้ที่สนใจ

มองมุมไหน...พลาสติกดีๆนี่เอง

สีดำๆที่เห็นเป็นแม่เหล็ก สีทองไม่ใช่ทองคำเปลว แต่เป็นสีวิทยาศาสตร์ ทาในช่วงที่พลาสติกยังไม่แข็งตัวเต็มที่
*****พระเครื่องในลักษณะอย่างนี้จะมีมากในตลาด คนสร้างจะพยายามสร้างหรือทำอะไรปิดๆเนื้อในเอาไว้ไม่ให้เห็น  โดยเฉพาะพระที่ถูกหุ้มห่อเอาไว้  

พระปลอมเรียนแบบทั้ง 2 องค์นี้ไม่แนะนำให้ซื้อหามานะครับ เพราะเป็นพระพลาสติก ดังนั้นจึงมีความเหนียว และอยู่ยงคงกระพันชั่วฟ้าดินสลาย  ก็จะไม่พุพัง ยกเว้นโดนไฟเผา

ความรู้เรื่องเกี่ยวกับพลาสติก

มนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาเคมี และทำพลาสติกขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1868( พ.ศ.2411)  โดย จอห์น เวสลีย์ ไฮแอท (John Wesley Hyatt) นักวิทยาศาสตร์ ชาวอเมริกัน ได้ทำการทดลองผลิตวัสดุชนิดหนึ่งจากปฏิกิริยาของเซลลูโลสไนเทรต กับการบูร ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สามารถทำเป็นแผ่นแบนบาง มีความใสคล้ายกระจก แต่ม้วนหรืองอได้ และได้เรียกชื่อตาม วัตถุดิบที่ใช้ว่า “เซลลูโลสไนเทรต” ต่อมาพลาสติก ชนิดนี้ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และเป็นที่นิยม เรียกว่า “เซลลูลอยด์” (Celluloid) การพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกเชิงอุตสาหกรรมได้ดำเนินไป
อย่างรวดเร็ว ทำให้มีพลาสติกชนิดอื่นๆเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย

อุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทย เริ่มมีมาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2500 ใน ระยะแรกมีการนำเข้าพลาสติกเรซินจาก ต่างประเทศ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกกันประปราย ต่อมาใน พ.ศ. 2506 ได้มีการก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงต้องนำเข้าเรซินจากต่างประเทศเช่นกัน จนกระทั่งใน พ.ศ. 2514 ประเทศไทยจึงสามารถผลิตพลาสติกเรซินคือ พีวีซี ได้เองเป็นชนิดแรก