วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สงวนลิขสิทธิ์



สงวนลิขสิทธิ์  ห้ามคัดลอกข้อมูล


รายละเอียด:  
ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด บทความ คำอธิบายและข้อมูล  รวมไปถึงภาพและประกอบในเว็บไซต์



ห้ามคัดลอก  ดัดแปลง  แอบอ้าง  เผยแพร่ตามสื่ออื่นๆ โดยเด็จขาด  หรือกระทำการอื่นใด  ที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์  โดยไม่ได้รับอนุญาต  เป็นลายลักษณ์อักษร  มิฉะนั้นถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์  และจะทำการดำเนินคดีตามกฎหมาย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด...


หากพบเห็น และตรวจสอบข้อมูล  วิเคราะห์ว่าคัดลอกมาจากบทความ...  จะทำการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเด็ดขาด

สงวนลิขสิทธิ์ โดย
ดร.ณัฐชัย  เลิศรัตนพล 

**************************************************************
กฎหมายลิขสิทธิ์
การละเมิดลิขสิทธิ์
  • การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : คือ การทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่สาธารณชน รวมทั้งการนำต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าวออกให้เช่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
  • การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : คือ การกระทำทางการค้า หรือการกระทำที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นโดย ผู้กระทำรู้อยู่แล้ว ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แต่ก็ยังกระทำเพื่อหากำไรจากงานนั้น ได้แก่ การขาย มีไว้เพื่อขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ เสนอให้เช่าซื้อ เผยแพร่ต่อสาธารณชน แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของลิขสิทธิ์และนำหรือ สั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
บทกำหนดโทษ
  1. การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : มีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • ผู้ ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับนี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปีกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก จะต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
    • กรณี ที่นิติบุคคลกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่ากรรมการหรือผู้จัดการทุกคนของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำความ ผิดกับนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย
    • ค่า ปรับที่ได้มีการชำระตามคำพิพากษานั้น ครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างไรก็ดีการได้รับค่าปรับดังกล่าว ไม่กระทบต่อสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งสำหรับส่วนที่เกินจำนวนเงินค่าปรับที่ เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับไว้แล้วนั้น
 

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระกริ่งปวเรศทองคำ

วิธีวิเคราะห์ พระกริ่งปวเรศมี 2 แนวทาง
พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ แท้ หรือ เก๊-ปลอม ดูด้วยลูกตา
--- วิธีวิเคราะห์ดูด้วยลูกตา มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะใช่ แท้ หรือ เก๊-ปลอม
พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ แท้ หรือ เก๊-ปลอม ดูด้วยตาใน 
--- กระทู้นี้ ไม่ขอกล่าวถึง เพราะเป็นเรื่องของอจิตไตย ปฏิบัติถึงแล้วจะรู้เอง

ปีนี้ พ.ศ.2556 มีพระกริ่งปวเรศทองคำ ออกสู่ตลาดมากมาย และผมก็เคยเขียนในกระทู้บทความหลายครั้งแล้วว่า "เนื้อทองคำในองค์พระกริ่งฯที่เป็นเนื้อสำริดหรือสัมฤทธิ์มีผสมทองคำ  และผมไม่เคยสนับสนุนให้ไขว่คว้าที่จะไปครอบครองพระกริ่งปวเรศทองคำ  เพราะของจริงมี แต่มีน้อยหายาก ไม่ใช่มีมากดังเช่นในปัจจุบัน" ผมดูพฤติกรรมของคนซื้อ-คนขายที่ได้ครอบครองแล้วดีใจกันใหญ่(มือใหม่) เห็นแล้วน่าสงสารเสียดายเงินที่ซื้อมาครอบครอง

พระกริ่งปวเรศทองคำ วิเคราะห์ด้วยลูกตา 
สิ่งที่แนะนำคือ ผู้ศึกษาอย่างน้อยควรจะมีกล้องส่องขยาย 60X และมีไฟในตัวกล้อง เพื่อดูจุดบอกว่าน่าจะใช่ แท้ หรือ เก๊-ปลอม กล้อง 10x ดูได้ม๊ย  ดูได้ครับ ดูพิมพ์ทรง

องค์ที่ 1
พระกริ่งปวเรศทองคำ  พิมพ์หน้าหนุ่ม งามมั๊ย ถูกใจมั๊ย อยากได้ครอบครองมั๊ย...ช้าก่อน ศึกษารายละเอียดให้รู้จริงก่อนครับแล้วค่อยคิด...
พิมพ์นี้มีหลายคนเรียก พิมพ์หน้านางแต่ผมเรียกพิมพ์หน้าหนุ่ม เพราะหน้ายังใหญ่กว่าหน้านางเหมือนหน้าหนุ่มมากกว่าหน้านาง

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม เก๊-ปลอม
วิเคราะห์ด้วยกล้องหรือขยายรูป
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม มองก็รู้แล้วว่าใช่หรือไม่แบบง่ายๆ ด้วยแนวคิดของ ดร.ณัฐชัย
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม เก๊-ปลอม
1. พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ มีส่วนผสมของโลหะชนิดอื่น เกิดปฏิกิริยาเคมีจากโลหะประเภทอื่นมีลักษณะคล้ายสนิมสีน้ำตาลอมดำบางๆอยู่บนผิวทองคำ เป็นจุดตายในการบ่งชี้ว่า เนื้อโลหะทองคำมีความเก่าจริงหรือไม่?
2. พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีมวลสารชนิดอื่นผสม 
3. สังเกตุรูปด้านบน ขยายดูชัดๆ สิ่งผิดปกติ เส้นสีขาวๆ (ขนแปรง) ใช้ความคิดพิจารณาสักนิด สนิมทองมีด้วยหรือมีขนแปรง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
4. สนิมทองมีความหนามากผิดปกติ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ


พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม เก๊-ปลอม
1. (ภาพด้านบน)ลูกศร 3 ศรที่ชี้ สีน้ำตาลเข้มอมแดงอยู่ในรูเล็กๆ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ ทำไมผิวทองคำทั่วๆไป ไม่เกิดคราบสนิมบางๆ มีแต่ความ่ใหม่ มองพิจารณาหลายๆรู บางรูก็ดำเข้ม  บางรูปแทบจะไม่มี อย่างนี้ผิดปกติ
2. ในวงสีแดง เห็นร่องรอยการขัดผิว ๆ ที่มีรอยขัดไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นพระแท้  แต่ที่เห็นชัดๆ คือ รอยขัดเป็นเส้นใหญ่ไม่เรียบร้อยและเป็นเส้นใหม่ๆ ไม่มีคราบสนิมทอง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ


พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม เก๊-ปลอม

1. (ภาพด้านบน)ลูกศรขวามือบนเส้นขาวๆ ขนแปรงที่ติดอยู่ในเนื้อสีน้ำตาลแดงอมดำ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. ลูกศรทางซ้ายมือหลังใบหู คราบสนิมทองมีความหนาคลายสนิมเหล็ก ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ


องค์ที่ 2
พระกริ่งปวเรศทองคำ  พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข งามมั๊ย ถูกใจมั๊ย อยากได้ครอบครองมั๊ย...ช้าก่อน ศึกษารายละเอียดให้รู้จริงก่อนครับแล้วค่อยคิด... พระกริ่งฯพิมพ์นี้ คนชอบ(มั่ว)อ้าง พ.ศ.2434 แต่ของจริงพระกริ่งฯพิมพ์สมบูรณ์พูนสุข มีสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4  รัชกาลที่ 5  และรัชกาลที่ 6  โดยเฉพาะจีวรลายดอกพิกุลเกือบทั้งหมดสร้างในสมัย ร. 6 มีบางส่วนสร้างในสมัยปลายรัชกาลที่ 5

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เก๊-ปลอม
 
วิเคราะห์ด้วยกล้องหรือขยายรูป
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข มองก็รู้แล้วว่าใช่หรือไม่แบบง่ายๆ ด้วยแนวคิดของ ดร.ณัฐชัย

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เก๊-ปลอม

1. (ภาพใบหน้า)ลูกศรชี้มองแล้วเข้าใจมั๊ย มองดูจะเห็นคราบสีน้ำตาลดำอมแดง มีความบาง หนา กองเป็นก้อน เห็นได้เด่นชัด ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. วรรณะสีผิว โดยรวมบริเวณอื่นของใบหน้า มีความเงางามใหม่สด ไม่มีคราบสนิมทองเกิดขึ้น ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ


พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เก๊-ปลอม

1. (ภาพหน้าอก) หน้าอกมีร่องรอยการขัด ในรอยขัดไม่มีความเก่าของคราบสนิมทอง ใหม่ก็คือใหม่จะให้เก่าได้อย่างไรจริงมั๊ย  ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. ไหล่ แขน ดูภาพรวมทั้งหมดของรูป วรรณะสีผิวขององค์พระเนื้อทองคำใหม่จริงมั๊ย ไม่มีคราบสนิมทอง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
3. คราบสีน้ำตาลดำอมแดง มีการกระจัดกระจาย  ไม่ได้เกิดขึ้นตามหลักธรรมชาติแต่เกิดจากฝีมือคน  ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เก๊-ปลอม
1. (ภาพฐานบัว) คราบสีน้ำตาลแดง ลูกศรชี้ ไม่ใช่คราบสนิมทองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. ภาพรวมของคราบสีน้ำตาลอมแดง ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายใต้ผิว  แต่เป็นวัสดุที่ติดอยู่บนผิวทอง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
3. วรรณะสีผิวสีทอง สีใหม่สด ไม่มีความเก่า  ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เก๊-ปลอม
1. (ภาพบัวหลัง) คราบสีน้ำตาลแดง ลูกศรชี้ในรูเล็กๆ สีน้ำตาลดำอมเข้ม มีเฉพาะในรูป แต่ผิวรอบริเวณ ไม่มีความเก่าที่เกิดขึ้นธรรมชาติ  สีผิวใหม่สดเงางาม  ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. โค๊ตเม็ดงา ผิดจากของจริง โค๊ตเม็ดงา ไม่สามารถบ่งชี้ว่ามีแล้วแท้หรือเก๊-ปลอม  ยิ่งมีโค๊ตเม็ดงายิ่งมาก จะสื่อได้ว่าเก๊-ปลอมเรียนแบบ สีน้ำตาลดำอมแดงในเม็ดงา ไม่ใช่สีของสนิมทอง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
3. ลูกศรชี้ จะเห็นว่าไม่มีสนิมทองเกิดขึ้น บ่งบอกได้ว่าเป็นของใหม่ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
4. วรรณะสีผิวขององค์พระจากรูป  สีเหลืองทองเงางามไม่มีจุดไหนบ่งบอกธรรมชาติของความเก่า ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

องค์ที่ 3
พระกริ่งปวเรศทองคำ  พิมพ์หน้าผากมีจุด งามมั๊ย ถูกใจมั๊ย อยากได้ครอบครองมั๊ย...ช้าก่อน ศึกษารายละเอียดให้รู้จริงก่อนครับแล้วค่อยคิด... พระกริ่งฯพิมพ์นี้ ผมเคยลงในกระทู้เก่า(เนื้อสำริด)กล่าวไว้ครั้งหนึ่งสร้าง พ.ศ.2409 แต่ของจริงพระกริ่งฯพิมพ์นี้เคยสร้างหลายวาระหลาย พ.ศ.

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด เก๊-ปลอม

วิเคราะห์ด้วยกล้องหรือขยายรูป
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด มองก็รู้แล้วว่าใช่หรือไม่แบบง่ายๆ ด้วยแนวคิดของ ดร.ณัฐชัย
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด เก๊-ปลอม
1. (ภาพหน้าอก)ลูกศรชี้มองแล้วเข้าใจมั๊ย มองดูจะเห็นคราบสีน้ำตาลดำอมแดง มีความบาง หนา กองเป็นก้อน เห็นได้เด่นชัด ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. วรรณะของผิวองค์พระ เป็นเม็ดๆกระจัดกระจายสม่ำเสมอ  ผิวพระสมัยโบราณเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา  ไม่ใช่ผิวแบบนี้  จะมีผิวมะระที่มีใหญ่ๆเล็กๆ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ3. วรรณะสีผิวขององค์พระ หน้าอก คอ ไหล่ แขน สีเหลืองทองเงางามไม่มีจุดไหนบ่งบอกธรรมชาติของความเก่า ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด เก๊-ปลอม
1. สังเกตุรูปด้านบน ขยายดูชัดๆ สิ่งผิดปกติ เส้นสีขาวๆ (ขนแปรง) ใช้ความคิดพิจารณาสักนิด สนิมทองมีด้วยหรือมีขนแปรง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. คราบอะไร? เกิดขึ้นเฉพาะในซอกและมีความหนามาก ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
3. วรรณะสีผิวขององค์พระ แขน มือ ขา หมือน้ำมนต์ สีเหลืองทองเงางามไม่มีจุดไหนบ่งบอกธรรมชาติของความเก่า ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด เก๊-ปลอม
1. (รูปด้านหลัง) ขยายดูชัดๆ สิ่งผิดปกติ เส้นสีขาวๆ (ขนแปรง) ใช้ความคิดพิจารณาสักนิด สนิมทองมีด้วยหรือมีขนแปรง ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. คราบอะไร? เกิดขึ้นเฉพาะในซอกและมีความหนามาก ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
3. วรรณะสีผิวขององค์พระ พื้นผิว และรอยตำหนิ หลุ่ม บ่อ บางจุด ทั้งหมดมีสีเหลืองทองเงางามไม่มีจุดไหนบ่งบอกธรรมชาติของความเก่า ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ

พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด เก๊-ปลอม

 1. (รูปฐานบัว) คราบสีน้ำตาลดำอมแดง(ลูกศรสีแดง) ความหนาไม่สม่ำเสมอ ผิดหลักการเกิดขึ้นของธรรมชาติ ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ
2. วรรณะสีผิวขององค์พระ พื้นผิว และรอยตำหนิ หลุ่ม บ่อ บางจุด ทั้งหมดมีสีเหลืองทองเงางามไม่มีจุดไหนบ่งบอกธรรมชาติของความเก่า ลักษณะอย่างนี้ผิดปกติ 
สรุป 
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าหนุ่ม 
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข
พระกริ่งปวเรศทองคำ พิมพ์หน้าผากมีจุด
1. วรรณะสีผิวโดยทั่วไปทั้งองค์ มีสีเหลืองทอง เงางาม สวยสีสดใส ลักษณะเช่นนี้ คือ พระใหม่ บ่งชี้ให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ
2. วรรณสีผิว ที่มีหลุม บ่อ ตำหนิ หลายๆ จุด มีสีเหลืองทอง เงางาม สวยสีสดใส ลักษณะเช่นนี้ คือ พระใหม่ บ่งชี้ให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ
3. ร่องรอยการขัดต่างๆ รวมถึงร่องที่ขัด มีสีเหลืองทอง เงางาม สวยสีสดใส ลักษณะเช่นนี้ คือ พระใหม่ บ่งชี้ให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ
4. สีน้ำตาลดำอมแดง  เกิดขึ้นตามซอกมุมต่างๆ มีความบาง หนา มีหลายๆที่เห็นเป็นก้อน  เกิดจากการเรียนแบบสนิมทอง  แต่ฝีมือการทำยังไม่ถึงขั้นเทพ บ่งชี้ให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ
5. โค๊ตเม็ดงา ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม(สำหรับมือใหม่) ยิ่งมีมากยิ่งทำให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ  สำหรับท่านที่เคยเห็นเม็ดงาลักษณะนี้จากพระกริ่งปวเรศของจริงจะทราบว่ามีความแตกต่างกันมาก ทั้งขนาดและรูปร่าง บ่งชี้ให้ทราบว่าเป็นของเก๊-ปลอมเรียนแบบ
6. พระกริ่งฯมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 30 กรัม  ดังนั้นหากเปรียบเทียบทองคำบาทละ 20,000 บาท  องค์หนึ่งมีค่าทองคำไม่น้อยกว่า 40,000 บาท  ซึ่งยังไม่รวมค่าพิธีกรรม  หากใครคิดว่าซื้อหามาได้ราคาถูกๆ(ตกควาย)  ระวังจะเป็นคนซื้อโดนเสียเอง  ถ้าเป็นทองคำเข้าร้านทองจำนำต่อองค์ 30,000 บาทสบายๆ  ซื้อมาต่ำกว่าราคาจำนำฝันว่าจะได้พระเนื้อทองฮาครับ  มีใครไม่รู้จักทองคำ

ลักษณะของ
พระกริ่งปวเรศทองคำ ของแท้ ความเก่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติอายุมากกว่าร้อยปี มีวรรณะสีผิวเช่นไร?
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง

พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง

พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง เปิดแสงแฟรช เผยให้เห็นสีเหลืองของทองคำ

ขยายรูปให้เห็นกันชัดๆ
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง สีขาวผงพระสมเด็จ
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง
พระกริ่งปวเรศทองคำ วรรณะสีผิวเกิดสนิมทอง


สรุป 
พระกริ่งปวเรศทองคำของแท้
1. สนิมทองอายุมากกว่า 100 ปี เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีโลหะประเภทอื่นที่ผสมในเนื้อทองคำ ทำปฏิกริยากับอากาศเกิดสนิมทองกระจายตัวทั่วผิวขององค์พระกริ่งฯ มีความหนาสม่ำเสมอกัน สีความเข้มแตกต่างเล็กน้อย บริเวณใดมีสนิมทองมากบริเวณนั้นจะสีเข้มกว่าบริเวณที่เกิดสนิมทองน้อย
2. ทองคำโบราณอายุนับร้อยปีต้องไม่มีความเงา งาม ต่างจากผิวทองคำที่พบเห็นใหม่ๆที่มีความความสวย เงางาม เล่นหูเล่นตา

ข้อควรระวัง พระกริ่งฯ เก๊-ปลอมในวันนี้ วันเวลาหมุนผ่านไปข้างหน้ามีอายุหลายสิบปีถึงร้อยปี  ย่อมเกิดสนิมทองขึ้นตามธรรมชาติ  หากล้างคราบผิวของปลอมออกในวันนี้ อีก 100 ปี  ย่อมต้องมีสนิมทองเกิดขึ้น  เมื่อถึงเวลานั้นวิธีมองดูด้วยลูกตาย่อมใช้ไม่ได้  จำเป็นต้องใช้วิธีวิเคราะห์ดูด้วยตาในเท่านั้น


วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เหรียญอัฐ โภคทรัพย์


เคยมีประสบการณ์แบบนี้ไหมครับ?
--- เสกกระเป๋าสตางค์ หรือที่ๆเก็บเงินของเรา ด้วยคาถาเรียกทรัพย์  แต่เคล็ดอยู่ที่ว่า เวลาเสกนั้น กระเป๋าเงินหรือที่เก็บเงินของเรา จำต้องมีเงินจริงๆ และเกจิอาจารย์ท่านนั้นเสกแล้วสมปราถนาหรือไม่?
---  เงินขวัญถุง คือ เงินที่พระเกจิอาจารย์ปลุกเสก นำมาเก็บไว้ในกระเป๋าตังเพื่อเรียกทรัพย์เข้ามาในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น

เหรียญอัฐ โภคทรัพย์ หรือ
เหรียญดีบุก รัชกาลที่ 4 ราคา 1 อัฐ หรือ 8 อันเป็น 1 เฟื่อง หรือ
เหรียญพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ 
คือ เหรียญที่ผมแนะนำ  ท่านที่ชอบเงินขวัญถุง ควรมีไว้ในกระเป๋าเงิน
  
ชื่อ: 
เหรียญดีบุก รัชกาลที่ 4 ราคา 1 อัฐ หรือ 8 อันเป็น 1 เฟื่อง พ.ศ.2408
สร้างสมัย: รัชกาลที่ 4  พ.ศ.2408
ผู้สร้าง: โรงกระสาปน์สิทธิการ หรือ โรงกษาปณ์แห่งแรก(พ.ศ. 2403 – 2418)
ผู้อธิษฐานจิต: สมเด็จฯ โต พรหมรังสี วัดระฆัง และเกจิอาจารย์อื่นๆ


มวลสาร: ชินดีบุก

วิเคราะห์โลหะธาตุเหรียญพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ ราคา 1 อัฐ หรือ 1/8 เฟื้อง สมัยรัชกาลที่ 4
50 Sn (ดีบุก)       = 71.80%

29 Cu (ทองแดง) = 18.23%

82 Pb (ตะกั่ว)     =   7.44%

26 Fe (เหล็ก)      =   2.52%

ออกแรงบิดที่เหรียญรับรู้ถึงการอ่อนตัวของโลหะ  เหรียญมีความแข็งปานกลาง

- บทความอ้างอิงฯ คลิกลิงก์ http://dr-natachai.blogspot.com/2013/10/blog-post_26.html   


พลานุภาพ:
ครบเครื่องฯลฯ เด่นทางด้านโภคทรัพย์ ป้องกันภัยพิบัติ
เมตตามหานิยม ฯลฯ

อายุ: (2556-2408) = 148 ปี


ราคาเหมะสม:-

ราคาเซียนใหญ่: -


ราคาท้องตลาด: -


ราคาสมบัติผลัดกันซื้อ: มีกำไรซื้อ-ขายได้ทุกราคา 

เหรียญดีบุก รัชกาลที่ 4  หรือ
เหรียญพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ 
เหรียญดีบุก รัชกาลที่ 4  หรือ
เหรียญพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ 


เหรียญพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ


เหรียญเงินรัชกาลที่ 4 เหรียญนี้ผลิตออกแทนพดด้วงโดยผลิตจากเครื่องจักรที่สั่งซื้อ จากประเทศอังกฤษ เป็นเหรียญแบน ด้านหน้าเป็นรูปมหามงกุฎเปล่งรัศมี มีฉัตรกระหนาบ 2 ข้าง ด้านหลังเป็นรูปช้างยืนอยู่ตรงกลางพระแสงจักร

โรงกษาปณ์แห่งแรก(พุทธศักราช 2403 – 2418) ของประเทศไทยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ในยุคที่ประเทศไทยกำลัง พัฒนาและปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยพร้อม ๆ  กับการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ และการค้า

ในปีพ.ศ. 2401 รัชกาลที่ ทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นและพระ ราชทานนามว่า " โรงกระสาปน์สิทธิการ " ซึ่ง ตั้งยู่บริเวณโรงทำเงิน พดด้วงด้านหน้าพระคลังสมบัติบริเวณมุมถนนใกล้กับทางออกประตู สุวรรณบริบาลด้านทิศตะวันออกลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้นก่ออิฐเป็น ปูนมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีทางขึ้นชั้นสองอยู่ทาง ด้านหน้า 
ครั้นถึง พ.ศ. 2403 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรที่บริเวณประตูพรหมโสภา หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังแล้วเสร็จ พระราชทานนามว่าโรงกระษาปน์สิทธิการเพื่อผลิตเงินเหรียญแบบสากลนิยม โดยใช้เครื่องจักรทำการแทนแรงคน เริ่มผลิตตั้งแต่ พ.ศ.2403 เงินเหรียญที่ผลิตขึ้นใช้ในระยะแรกเรียกว่า เงินแปหรือ เงินแบนเพราะมีรูปลักษณะแบนกลมเหมือนเหรียญต่างประเทศทั่วไป ตราของเงินเหรียญใช้รูปจักรมีช้างยืนบนแท่นอยู่กลางเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาล มีรูปร่างเป็นพระมหามงกุฎยอดมีรัศมี มีฉัตร 5 ชั้น กระหนาบสองข้าง พื้นเป็นเปลวกนกมีดอกจันล้อมรอบจำนวนเท่าด้านตราจักร

ใน พ.ศ. 2405 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โรงกระษาปน์ผลิตเหรียญดีบุก เพื่อเป็นเครื่องแลกใช้แทนเบี้ยหอย และประกาศให้ใช้กะแปะอัฐ(เหรียญอัฐ) และโสฬสที่ทำขึ้นใหม่นี้ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2405 เหรียญดีบุกนี้ทำด้วยดีบุกดำผสมทองแดง ด้านหนึ่งมีตราช้างในวงจักร อีกด้านหนึ่งมีรูปพระมหามงกุฎกับฉัตร เหรียญดีบุกขนาดใหญ่เรียกว่า อัฐ มีราคา 8 อันต่อหนึ่งเฟื้อง สำหรับขนาดเล็กเรียกว่า โสฬสมีราคา 16 อันต่อหนึ่งเฟื้อง
พิกัดอัตราแลกเปลี่ยนสมัยรัชกาลที่ 4
8 อัฐ เป็น 1 เฟื้อง
1/8 เฟื้อง = 1อัฐ สมัยโบราณมักกล่าวถึงอัฐยายซื้อขนมยาย     




***ใครที่ชื่นชอบ เงินขวัญถุง  ผู้เขียนขอแนะนำ  เหรียญดีบุกสมัย รัชกาลที่ 4 ราคา 1/8 เฟื่อง หรือ 1 อัฐ  ที่สมเด็จฯ โต  พรหมรังสี   อธิษฐานจิตปลุกเสก  มีใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน สักเหรียญ ดีกว่าไม่มี อย่างน้อยก็เป็นเหรียญเงินโบราณอายุ 148 ปี  มีพลานุภาพอีกต่างหาก  ใครสามารถสัมผัสเรื่องอจิตไตยได้ เชิญพิสูจน์ครับว่าจริงไหม...