วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

60. ความเชื่อเรื่องพุทธคุณ

ความเชื่อเรื่องพุทธคุณ

ความเชื่อเรื่องพุทธคุณในดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

         ชนชาติไทย สืบทอดความเชื่อ ความศรัทธา และนับถือลัทธิพราหมณ์ มาช้านาน ก่อนจะถึงยุครุ่งเรืองของ พระพุทธศาสนา ชนชาติไทยโบราณได้รับอิทธิพลนี้จากอินเดีย ผสมร่วมกับความเชื่อของชนหลายเผ่าในท้องถิ่นเดิม สืบทอด อิทธิวิธี พิธีกรรม เลขยันต์ ต่างๆ เข้าเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตน เป็นกึ่งลัทธิพุทธศาสนา อันเกี่ยวกับการใช้คาถาอาคม ก่อเกิดพิธีกรรมทางไสยศาสตร์
         พุทธศาสนา จัดแบ่งความเชื่อในปาฏิหาริย์ ไว้ 2 อย่างคือ

               1. คำสอนที่เป็นความจริง สอนให้เห็นจริง นำไปปฏิบัติได้ผลจริง เป็นอัศจรรย์

               2. อิทธิปาฏิหาริย์ หรือ ฤทธิ์อันเป็นอัศจรรย์

               ผู้เขียนขอกล่าวถึงความเชื่อเรื่องที่ 2  เกี่ยวกับการใช้พุทธคุณเรื่อง อิทธิปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นในสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ในรูปของ คำสวดมนต์ คาถา หัวใจพระคาถา หลายแบบหลายวิธี ก่อให้เกิดวัตถุมงคลภายนอกกาย เช่น รูปสมมุติ พระกริ่ง เหรียญ เครื่องราง ของขลัง ยันต์ ตะกรุด ฯลฯ ที่พระสงฆ์ผู้ทรงฌาน ได้กำหนดจิต ทำพิธีปลุกเสก แล้ว เชื่อว่ามี ฤทธิ์อันเกิดจากจิต มีคุณในด้านต่าง ๆ เช่น
               แคล้วคลาด: เป็นวิชาที่เหนือกว่าวิชาคงกระพันและวิชาชาตรี  แม้มีคนมุ่งร้ายหมาย  จะทำอันตรายก็มิอาจจะทำอันตรายได้ เป็นแคล้วคลาดทุกครั้งไป คือไม่เจอ  ไม่โดน และไม่เจ็บ ถึงแม้จะสู้กันซึ่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นยิงหรือฟันจะหลบเลี่ยงหลุดรอดได้ทุกครั้ง  โดยฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำอันตรายได้ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
               คงกระพัน : หนังเหนียวไม่แตกง่าย มีดแทงไม่เข้า หรือมีบาดแผลน้อย ทนทานต่อศัสตราวุธ แต่ยังมีความเจ็บปวดเกิดขึ้น
               ชาตรี :  ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเลย ทำให้ของหนักต่างๆ ที่จะมากระทบตัวจะเบาไปหมด 
               มหาอุด :  ใช้กันปืน เมื่อครั้งมีเหตุให้โดยปืนยิง  ที่จะยิงจะยิงไม่ออก  หรือในบางครั้งอาจจะทำให้ปืนแตกคามือของผู้ยิง  หากยิงออกก็ไม่โดน หากโดนก็ไม่เข้า 
               มหาระงับ : นะจังงัง ยิง ฟัน แทงไม่เข้า
               มหาอำนาจ : เมื่อจะไปในสถานที่ใด คนเกรงขาม มีตบะเดชะมาก เป็น มีอำนาจดังราชสีห์ เดินป่าป้องกันสัตว์ร้าย 
               เมตตามหานิยม: ทำให้คนรอบข้าง มีความรัก ความปรารถนาดี มีไมตรีจิต คิดช่วยเหลือ  (จะประกอบด้วย เมตตามหานิยมทั่วๆไป, เมตตามหานิยมขั้นสูงระดับต้น, เมตตามหานิยมขั้นสูงระดับสูง-ระดับต่างๆเกิดจาก ฌานตบะของผู้อธิฐานปลุกเสกอยู่ในขั้นใด)
               มหาเสน่ห์  เป็นที่รักของ 3 โลก : ไปไหนนำติดตัวไปด้วยทำให้มีเสน่ห์คนรักใคร่ ที่รักชอบแก่คนทั้งหลาย ใครไม่รู้จักก็มารู้จัก รักชอบเป็นมิตรสหาย ประกอบด้วย 1. พรหม เทวดา       2.มนุษย์     3.นรก (จะประกอบด้วย เสน่ห์แบบทั่วๆไป, มหาเสน่ห์ขั้นสูงระดับต้น, มหาเสน่ห์ขั้นสูงระดับสูงและสูงสุดคือมหาเสน่ห์ เป็นที่รักของ 3 โลก -ระดับต่างๆเกิดจาก ฌานตบะของผู้อธิฐานปลุกเสกอยู่ในขั้นใด)
               ช่วยการวิปัสสนา  กรรมฐาน : ส่งเสริมให้จิตใจผู้ครอบครองเป็นสมาธิได้ง่าย แสดงถึงบารมีขององค์พระพุทธ เจริญพระกรรมฐานสมาธิและโน้มเอียงไปทางศาสนา
               โชคลาภ : บันดาลโชคลาภ เจริญด้วยลาภยศสรรเสริญ
               โภคทรัพย์ : รักษาทรัพย์สมบัติผู้ครอบครองให้เยือกเย็นทรงตัว ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป ทำให้เงินพอกพูนเพิ่มขึ้น
               ช่วยหนุนดวง : ป้องกันอุปัทอันตรายทั้งปวง  กันเสนียด จังไร  เกื้อหนุนดวงที่ตกต่ำให้โดดเด่นขึ้นมาได้ถึงแม้นดวงตกหนักทำให้ดวงตกน้อยลง  และหากดวงตกน้อยช่วยให้ดวงไม่ตกทรงตัว หากดวงดีหนุนให้ดียิ่งๆขึ้น เช่น ทำอะไรมักโชคดีเข้าข้าง ได้รับโอกาสดีๆ เข้าข้างผู้ครอบครองอยู่เสมอๆ ยังช่วยหนุนให้ มีชื่อเสียง เป็นเจ้าคน นายคน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองผู้บูชาและดูแลรักษาวัตถุมงคลที่ครอบครอง (สิ่งที่เกิดไม่เกินกว่าบุญในอดีตที่เคยสร้างไว้)
               ดูดทรัพย์ : เรียกเงินเรียกทอง ค้าขายให้มีกำไรดี ร่ำรวยเงินทอง
               แก้วสารพัดนึก : อธิษฐานตามใจปรารถนา (ขอได้ไม่เกินกว่าบุญในอดีตที่เคยสร้างไว้)
               กันและแก้ไขสารพัดโรคภัย : ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ กันโรคระบาด กันภูตผีรบกวน ทำน้ำมนต์คลอดบุตรง่าย กันคุณไสยลมเพลมพัด บ้านหรือที่ใดร้ายอยู่ยาก ให้อธิษฐานน้ำมนต์ฝังดินแก้ไขกลับร้ายเป็นดี มีภูมิคุ้มกันโรค ในวัตถุมงคลถือว่าเป็นอำนาจปกป้องคุ้มครอง รักษา ข่มอาถรรพ์คุณไสยและทางมหาอำนาจ มีอำนาจในทางบำบัดสุขภาพสมบูรณ์ มีความสุขทั้งทางกายและทางใจ มีอำนาจสร้างความสมดุลของสภาพร่างกาย(ปรับร่างกาย ขัน 5)  ส่งผลทางป้องกันรักษา โดยเฉพาะการรักษาโรค และล้างคุณไสย อาถรรพ์ มนต์ดำ ยาสั่ง ป้องกันขับไล่สิ่งชั่วร้าย ถอนแก้กระทำย่ำยีต่างๆ คุณไสยทุกอย่าง กันคุณผี คุณคน
               ทำน้ำพุทธมนต์ : รักษา สิ่งอัปมงคล คุณไสยอวิชา คุณผี คุณคน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ โรคระบาด โรคเวร โรคกรรม สะเดาะเคราะห์-หนุนดวง รักษาการสัมผัสโดนสารของนิวเคลียร์ อาวุธเคมี รักษาแก้พิษ(การรักษาโรคเวร โรคกรรมได้จากหนักเป็นเบา จากเบาให้บรรเทาหาย แต่ทั้งหมดอยู่ที่บุญกรรมเก่าของผู้ครอบครองเป็นสำคัญ)
               กันไฟและขโมย : กันฟ้าผ่า กันไฟ กันควัน กันโจรภัย และคุ้มกันสารพัดภัย
               ป้องกันนิวเคลียร์  อาวุธเคมี : ป้องกันอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมีต่างๆ จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นแคล้วคลาด

              
การนำวัตถุมงคลภายนอกกายไปใช้ เช่น รูปสมมุติ พระกริ่ง เหรียญ เครื่องราง ของขลัง ยันต์ ตะกรุด ฯลฯ จะเกิดผลตาม ปรารถนาหรือไม่  อยู่ที่ตัวผู้ใช้ อันประกอบด้วย
·       ความเชื่อมั่นในวัตถุภายนอกกายที่ครอบครอง  ถือเป็นหัวใจสูงสุด
·       ความสามารถในการต่อจิตสัมพันธ์กับพลังในวัตถุนั้นๆ ผู้ครอบครอบจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องการสื่อสาร อันประกอบด้วยผู้ส่งสาร(ผู้ครอบครอง)และผู้รับสาร (วัตถุมงคล) 
                       ขยายรายละเอียด เช่น เจ้าของมีโปรแกรมกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์(ผู้รับสาร) ไม่เคยส่งสาร(เปิดโปรแกรมให้โปรแกรมสแกนไวรัสทำงานเปรียบเสมือนกับการส่งสาร)  วัตถุมงคลก็เช่นกัน  ผู้ครอบครองมี แต่ไม่เข้าใจเรื่องการส่งสาร  วัตถุมงคลนั้นช่วยได้แต่ไม่เต็มขีดความสามารถ 
               ผลจากวัตถุมงคลที่ได้กำหนดจิต ทำพิธีปลุกเสก แล้ว เชื่อว่ามี ฤทธิ์อันเกิดจากจิต มีพุทธคุณในด้านต่างๆ ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ใช้ คุณวิเศษจะเกิดขึ้นได้อยู่ที่ จิตที่สำรวมเป็นสมาธิ
               ความเชื่อเรื่อง กรรม เป็นผลจากการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยังคงที่พิสูจน์ได้อยู่เสมอ ความเป็นมงคลที่ดี ย่อมขึ้นอยู่กับ ความเป็นผู้มี จิตใจดีงาม มีสติอยู่เสมอ และไม่ประมาท สิ่งนี้เป็น สัจจะธรรม แห่ง พุทธคุณบริสุทธิ์ ยอดแห่งปาฏิหาริย์อันอัศจรรย์แท้ อันเป็นความเชื่อในทุกยุคทุกสมัยในดินแดนสุวรรณภูมิ

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

59. พระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2434 วาระ 2

พระกริ่งปวเรศ  พ.ศ.2434 วาระ 2 พิมพ์จีวรลายดอก


พระกริ่งปวเรศ 2 องค์นี้เป็นของเพื่อนสมาชิกทางจังหวัดเชียงใหม่ส่งรูปมาให้ชื่นชม  พระกริ่งจีวรลายดอกทั้ง 2 องค์สร้างในปี พ.ศ.2434 วาระที่ 2 เม็ดกริ่งจะไม่กลมเหมือนกับพระกริ่งปวเรศ รุ่น สมบูรณ์พูนสุข  เม็ดกริ่งพิมพ์นี้เป็นเหล็กไหลเช่นกัน  จะมีขนาดเม็ดใหญ่กว่าเสียงจะดังกังวานกว่ารุ่นสมบูรณ์พูนสุข 


 
พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พิมพ์จีวรลายดอก(ลายจุด)นี้เป็นพระกริ่งที่ทำแม่พิมพ์ขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2434   พระกริ่งชุดนี้เป็นพระกริ่งที่สร้างโดยเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่มวลสารของเนื้อโลหะธาตุที่นิยมสร้างในอดีตก่อน พ.ศ.2434 ที่พบในเวลานี้มีดังนี้
เนื้อนวโลหะหรือเนื้อสัมฤทธิ์ มี 3 ชนิด

เนื้อสัมฤทธิ์ ชนิดที่ 1 เนื้อสัมฤทธิ์เดช โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีแดงแก่-อ่อน ลักษณะสีคล้ายสีนาค อายุผ่านมานับร้อยปีวรรณะสีผิวภายนอกเปลี่ยนเป็นสีดำ เทา อมน้ำตาล  

เนื้อสัมฤทธิ์ ชนิดที่ 2 เนื้อสัมฤทธิ์ศักดิ์ โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีผิวออกสีขาวหรือขาวจัด ลักษณะสีคล้ายสีเนื้อเงินโบราณ อายุผ่านมานับร้อยปีวรรณะสีผิวภายนอกกลับดำ

 เนื้อสัมฤทธิ์ ชนิดที่ 3 เนื้อสัมฤทธิ์โชค โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีผิวออกสีเหลือง สีคล้ายดอกจำปาแก่-อ่อน อายุผ่านมานับร้อยปีวรรณะสีผิวภายนอกกลับดำ อมน้ำตาล

พระกริ่งพิมพ์จีวรลายดอก พระกริ่งที่สร้างส่วนใหญ่ที่พบเป็นเนื้อสัมฤทธิ์เดช โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีแดงแก่-อ่อน ลักษณะสีคล้ายสีนาค ส่วนเนื้อสัมฤทธิ์ศักดิ์ โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีผิวออกสีขาวหรือขาวจัด ลักษณะสีคล้ายสีเนื้อเงินโบราณพบเห็นได้ยากยิ่ง
 องค์ซ้ายมือ เนื้อสัมฤทธิ์(นวโลหะ) เดช เนื้อในสีนาค  หน้าผากหมุดทองคำ
องค์ขวามือ เนื้อสัมฤทธิ์ศักดิ์ โลหะธาตุที่นำมาผสมมีวรรณะสีผิวออกสีขาวหรือขาวจัด ลักษณะสีคล้ายสีเนื้อเงินโบราณ  ก้นปิดด้วยแผ่นเงินต่างกับพระกริ่งปวเรศทั่วๆไปที่ปิดด้วยแผ่นทองแดง และหมุดรอบองค์พระกริ่งพิมพ์จีวรลายดอกรวมทั้งสายสร้อยเป็นหมุดเงิน

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

58. เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ สร้างวาระไหนดีที่สุด

เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ สายวัง สร้างวาระไหนดีที่สุด

พระกริ่งปวเรศ  ที่ผู้เขียนรวบรวมพบทั้งหมด ณ ขณะนี้มีทั้งหมดสร้าง 6 ยุค ตั้งแต่ พ.ศ.2382 - พ.ศ. 2434  ถ้าหากตั้งคำถามว่า "เก็บสะสมพระกริ่งปวเรศ (สายวัง) สร้างวาระไหนดีที่สุด"  ขอแยกรายละเอียดดังนี้

1. พระกริ่งปวเรศที่สร้างของแท้ก็คือของแท้ไม่สามารถที่จะสร้างเพิ่มขึ้นได้ (ยกเว้นของเก๊) 
     -  จำนวนการสร้างจำกัดด้วยจำนวนที่แน่นอน
     -   พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เป็นพิมพ์ที่สร้างมากที่สุด
     -   พระกริ่งปวเรศ  พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข โลหะธาตุที่สร้างมี (เนื้อทอง  เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ)
     -   และ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข เริ่มสร้างปี พ.ศ. 2394  พัฒนาแม่พิมพ์เ่ก่าจนกระทั่งมีรูปทรงและโลหะที่งดงาม หล่อเป็นองค์พระกริ่งฯพิมพ์หน้าตาและรูปร่างคล้ายกันมากในยุคของรัชกาลที่ 4 พ.ศ.2394 ถึง ยุครัชกาลที่ 5 พ.ศ.2434 รวมระยะเวลายาวนานถึง 41 ปี

2. พระกริ่งปวเรศ เมื่อจำกัดด้วยจำนวนการสร้าง(ของแท้)  ขอให้พบของจริงแท้สักองค์มีเงิน  มั่นใจศรัทธา  พระฯจะเลือกอยู่กับผู้ครอบครองไม่ใช่มีเงินก็จะซื้อหาได้  อยู่ที่ความเชื่อศรัทธา  ผู้เขียนมั่นใจว่ามีหลายต่อหลายท่านได้ครอบครองไปในราคาหลักร้อยและหลักพัน  ทำไมถึงราคาถูก  จะไม่ถูกได้อย่างไร  เซียนตำรามั่วแต่ยึดตำราที่ไม่มีตัวตน  พระฯออกสู่ตลาดมากที่สุดนับเวลาเกือบ 30 ปี  ตำราไม่ได้เขียนเอาไว้จึงไม่มีเซียนเล่นหา  ผู้เขียนได้พบปะพูดคุยกับบุคคลหลายๆกลุ่ม  ทำให้ทราบว่ามีบางกลุ่มค่อยๆเก็บเงียบมาหลายปี  ได้พระกริ่งปวเรศ สายวัง ไปครอบครองจำนวนหนึ่งในราคาถูกแสนถูกให้เป็นที่อิจฉา  จากเริ่มแรกที่ผู้เขียนพบและมีผู้เก็บสะสมจากหลักร้อย  ค่อยๆ ขยับขึ้นเป็นหลักพัน  หลักหมื่น และมีผู้ซื้อโทรมาคุยผู้เขียนได้ซื้อพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไปที่เลข 6 หลักเมื่อปีที่แล้ว(พ.ศ.2553)  และสุดท้ายมีผู้ขายท่านหนึ่งคุยกับผู้เขียนได้ขายพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไปสูงถึงเกือบ 8 หลัก  ดังนั้นราคาการซื้อขายอยู่ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายจะมีกำลังทรัพย์มากมีความศรัทธาก็จะเช่าซื้อในราคาที่สูง  หากผู้ซื้อมีทรัพย์น้อยโชคดีก็ได้ราคาที่ไม่สูง  ซึ่งราคาไม่สูงเกิดจากเซียนตำราทั้งสิ้น  ทำให้ตลาดไม่รู้จักจึงเป็นโอกาสของผู้เชื่อและศรัทธา  ผู้เขียนมั่นใจว่าราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนอนาคตอันใกล้นี้จะไม่มีราคานี้ในท้องตลาดอีกต่อไป  เนื่องจากพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 เฉพาะของแท้กำลังจะหมดไปจากตลาดโดยสิ้นเชิง  ใครได้ครอบครองไว้ต่างก็หวง ราคาที่เหมาะสมจะขยับมาอยู่ที่เลข 7 หลัก สูงสุดราคาอยู่ที่ 8 หลักเหมือนเดิม

3. พระกริ่งปวเรศ สายวัง โดยเฉพาะพิมพ์สมบูรณ์พูนสุข สร้างไล่มารวมยาวนานถึง 41 ปี  ตัวของผู้เขียนเองนั้นวิเคราะห์ด้วยแนวคิดง่ายๆ รุ่นไหน พ.ศ.ไหนน่าสะสมมากที่สุดดังต่อไปนี้
         พระกริ่งปวเรศ แต่ละรุ่น ที่ผู้เขียนพบ โดยเฉพาะ วาระที่สร้างใน พ.ศ.และวาระต่างๆกัน มีพุทธนุภาพที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งเม็ดกริ่งที่บรรจุอยู่ภายในฐานองค์พระกริ่งปวเรศบางรุ่น เป็นเม็ดกริ่งเหล็กไหล  ซึ่งคนในสมัยโบราณเสาะแสวงเล่นหากัน  ที่เคยมีบันทึกราคาซื้อขายเหล็กไหลสูงถึงนับ 100 ล้านบาทในอดีต  เนื้อหามวลสารของโลหะธาตุที่พัฒนาจากการสร้าง พ.ศ. แรกๆถึง พ.ศ.2434 ปรับสูตรส่วนผสมการสร้างพัฒนาแตกต่างกันไป บางรุ่นบางวาระเป็นโลหะธาตุชนิดพิเศษ พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข และพิมพ์อื่นๆ น่าสะสมหรือไม่  ผู้เขียนตอบว่าดีทุก พ.ศ. ทุกวาระ  
--- แต่ที่สุดยอดในมุมมองการวิเคราะห์ของผู้เขียนหนึ่งในดวงใจต้องยกให้ พระกริ่งปวเรศ รุ่นญาณต้น พ.ศ.2382 
--- รองลงมาเป็นพระกริ่งปวเรศ พ.ศ.2404 
--- และตามาด้วยพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข สร้างวาระ พ.ศ. 2394, 2397, 2398, 2410 และ พ.ศ.2411
--- ส่วนพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2434 ไม่ทันเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆัง(สมเด็จโต) ผู้เขียนให้ความสำคัญสุดท้าย

1. พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 หรือ พระกริ่งประจำรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2404

พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พ.ศ. 2404


2. พระกริ่งปเรศ พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุข สร้าง พ.ศ. 2411 ในวาระ รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ 

พระกริ่งปวเรศ พ.ศ. 2411พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุข ก้นทองแดง บุแผ่นเงิน  ประทับอักขระยันต์
พระกริ่งปวเรศ  พ.ศ. 2394 พิมพ์พิเศษ จารึก "ปวเรศ"


 พระกริ่งปวเรศ รุ่นฌาณต้น พ.ศ. 2382


 พระกริ่งปวเรศ รุ่นฌาณต้น พ.ศ. 2382


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2394
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2397 
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข  พ.ศ. 2398