พระนางพญา กรุวัดทองคำ
กระทู้ที่ 178 ผู้เขียนได้พบพระดีของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งหาคนที่รู้ลึกได้ยาก ขอนำเสนอขั้นรายการด้วย
เป็นหนึ่งในพระเครื่องชุด เบญจภาคี
พระชุดเบญจภาคี มีดังนี้
เบญจ แปลว่า 5
ภาคี แปลว่า ผู้มีส่วนร่วม การนำพระเครื่องสำคัญๆ 5 องค์ มารวมกันเป็นชุดจึงเรียกว่า เบญจภาคี
ในยุคของสุโขทัยเรืองอำนาจ พระนางพญา(พระพุทธชินราช) ได้มีสร้างขึ้นหลายยุคหลายสมัย ที่โดดเด่นนักสะสมพระเครื่องสาย พระนางพญา ต่างรู้จักกันดี พระนางพญา กรุวัดนางพญา
พระพุทธชินราช
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว สูง 7 ศอก หล่อในสมัยพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกเป็นผู้สร้าง
รูปพิมพ์ทรงของ พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ มีพุทธศิลป์เป็นแบบพิมพ์ทรงมารวิชัยที่เรียนแบบมาจากพระพุทธชินราช อันที่จริงผู้สร้างมีความตั้งใจสร้างให้เป็นรูปเหมือนของพระพุทธชินราช แต่ในสมัยเริ่มแรกแตกกรุ พระรูปเหมือนนี้ได้แตกกรุในวัดนางพญา จึงเป็นชื่อเรียกกันพระนางพญา
ราชวงศ์สุขโขทัยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างพระบรรจุกรุวัดบ่อทองคำ
แบ่งออกเป็น 3 รัชกาล ดังนี้
- สมัยแรกเริ่ม ได้เริ่มบรรจุพระ...ที่วัดบ่อทองคำในสมัยของ พระยาเลอไท
- ได้ว่างเว้นในสมัยของ พระยางัวนำถม
- สมัยที่สองเริ่มสร้างพระบรรจุกรุวัดบ่อทองคำอีกครั้งหนึ่งในยุคของ พระมาหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท)
- และในยุคของพระมหาธรรมราชาที่ 2 (พระยาลือไท) เป็นยุคสุดท้ายที่ได้สร้างพระเครื่องและพระบูชาบรรจุกรุที่วัดบ่อทองคำ อ.เมือง จ.พิษณุโลกในปัจจุบัน
พระเครื่องและพระบูชาที่บรรจุกรุวัดบ่อทองคำ กล่าววได้ว่าเป็นวัดที่ได้มีการบรรจุพระตั้งแต่ยุคปู่(พระยาเลอไท) ยุคลูก(พระยาลิไท) และยุคหลาน(พระยาลือไท) ได้มีการสร้างพระเครื่องและพระบูชาบรรจุกรุ 3 รัชกาล มีการบรรจุหลายสิบปี จึงมีพระ...และสิ่งที่ได้บรรจุมากมายหลากหลายประเภท
พระนางพญาที่แตกกรุออกมาจากวัดบ่อทองคำ เนื่องจากมีผู้บวงสรวงอดีตชาติเป็นถึงขุนศึก...และเคยมีส่วนร่วมในการสร้างและบรรจุกรุพระ...วัดบ่อทองคำ ได้ทำการบวงสรวงขอพระจำนวนหนึ่ง ผู้ดูแลกรุได้อนุญาต แต่เมื่อทำการขุดจริง ได้ขุดมากเกินกว่าจำนวนที่ได้บวงสรวงไปมาก เทพเทวดา เจ้าที่ ผู้ดูแลกรุพระ...จึงได้ทำการเคลื่อนกรุถึง 2 ครั้ง และมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง มาภายหลังผู้ขุดจึงยอมปิดกรุยกเลิกการขุด จำนวนพระที่ขุดขึ้นจำนวนเกือบ 20,000 องค์
พระเครื่องและพระบูชาที่บรรจุกรุวัดบ่อทองคำ ได้บรรจุไว้หลายที่หลายๆจุด โดยพระมหากษัตริย์และประชาชนพลเมืองในสมัยโบราณ นับตั้งแต่เวลาอดีตจนถึงปัจจุบัน กรุพระทั้งหมดยังไม่ถึงเวลาที่จะให้ขุดขึ้นมาทั้งหมด เนื่องจากมีผู้เป็นเจ้าของในอดีตที่ได้ที่ได้ร่วมสร้างบรรจุกรุไว้ ผู้ดูและกรุพระ...จึงให้ขุดได้บางส่วน และพระส่วนใหญ่ยังถูกบังตาไว้ เมื่อถึงวาระจึงจะได้รับอนุญาตให้ขุดขึ้นมาทั้งหมด (หมายเหตุข้อมูลจาก ผู้เฝ้าดูแลพระกรุ...ไม่เชื่อก็ให้อุเบกขา)
พระนาง พญา(พิมพ์พระพุทธชินราช) ที่สร้างและมหาพุทธาภิเษก สร้างขึ้นมาในวาระที่มีงานเกี่ยวข้องกับงานบุญทุกครั้ง สร้างด้วยความบริสุทธิ์ สร้างพระเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวและความกินดีอยู่ดีมั่งมีศรีสุขของปวงประชา มีพุทธานุภาพแรงมาก ซึ่งอธิษฐานจิตโดยพระฤาษี และพระอริยเจ้าในสมัยสุขโขทัย
ประวัติกษัตริย์ผู้มีส่วนในการสร้างพระบรรจุกรุวัดบ่อทองคำ
พระยาเลอไท
กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งกรุงสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ.
1841 - พ.ศ. 1866)
เป็นพระราชโอรสองค์โต ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และ ในรัชกาลของพระยาเลอไทนี้
สิ่งที่พระองค์สร้างในรัชกาลคือการสร้างเมืองชากังราว (กำแพงเพชรฝั่งตะวันออก)
ให้เป็นเมืองคู่กับศรีสัชนาลัย
พระยางัวนำถม กษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งกรุงสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ. 1866
- พ.ศ. 1890)
พระยางั่วนำถมเป็นกษัตริย์ครองเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยมาก่อนตามจารึกหลักที่
15 แต่ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระยาเลอไทซึ่งเป็นพระบิดาของพระยาลิไทยกษัตริย์ลำดับที่ 6 ....(ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรจุกรุวัดบ่อทองคำ)
พญาลิไท กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งกรุงสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ. 1890 - พ.ศ. 1919) พระมหากษัตริย์อาณาจักรสุโขทัยราชวงศ์พระร่วงลำดับที่ 5 พระโอรสพญาเลอไท และพระราชนัดดาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
จากหลักฐานในศิลาจารึกวัดพระมหาธาตุ พ.ศ.
1935 หลักที่ 8 ข. ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2499 ได้กล่าวว่า
เมื่อพระยาเลอไทสวรรคต ใน
พ.ศ. 1866
พระยางัวนำถมได้ขึ้นครองราชย์
ต่อมาพระยาลิไทยกทัพมาแย่งชิงราชสมบัติได้
และขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 1890 ทรงพระนามว่า พระศรีสุริยพงสรามมหาธรรมราชาธิราช ในศิลาจารึกมักเรียกพระนามเดิมว่า "พระยาลิไท" หรือเรียกย่อว่า พระมหาธรรมราชาที่ 1
พญาลิไท เผยแพร่เพิ่มความเจริญให้แก่พระศาสนา
ทรงสร้างและบูรณะวัดมากมายหลายแห่ง รวมทั้งการสร้างพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก เช่น พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระพุทธรูปองค์สำคัญองค์หนึ่งของประเทศคือ
พระพุทธชินราช ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
พระยาลือไท กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งกรุงสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ. 1919 - พ.ศ. 1942)
พระยาลือไท กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งกรุงสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ. 1919 - พ.ศ. 1942)
หรือพระมหาธรรมราชาที่ 2
ครองราชย์สืบต่อจากพระยาลิไท หรือ พระมหาธรรมราชาที่ 1
พระยาลือไท ขึ้นครองราชย์เมื่ออาณาจักรสุโขทัยอ่อนแอเสื่อมอำนาจ
อาณาจักรถูกแบ่งออกเป็น 2 แคว้นคือ
1. แคว้นชากังราวประกอบด้วยเมืองตาก ชากังราว (กำแพงเพชร) และนครสวรรค์
2. แคว้นสุโขทัย
ประกอบด้วยเมืองสุโขทัย อุตรดิตถ์ สองแคว (พิษณุโลก) พิจิตร นอกจากนี้เมืองขึ้นสำคัญ
เช่น เมืองหงสาวดี และเมืองอู่ทอง ต่างแข็งข้อ
ลุถึง พ.ศ. 1921 สุโขทัยก็ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา
พระยาลือไทจึงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของอาณาจักรสุโขทัย
อย่างไรก็ดี
พระยาลือไท ยังทรงครองเมืองต่อไปที่ราชธานีพิษณุโลกในฐานะเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรอยุธยาจนถึงประมาณ
พ.ศ. 1942
1781001 พระนางพญา เนื้อทอง(สุโขทัยส่งส่วยขอม) กรุวัดบ่อทองคำ พิษณุโลก ด้านหลังองค์พระนางพญาเนื้อทอง จะต้องมีรอยขัดถูดังรูป
พลังพุทธานุภาพ 550 เท่าเมื่อเทียบ
การตบแต่งพระพุทธชินราช เศษทองที่ได้ผ่านการตบแต่ง พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา นำมาหลอมหล่อเป็นฉนวนโลหะในการสร้าง พระนางพญาเนื้อทองคำ พระนางพญาเนื้อนวโลหะ(สำริด) พระนางพญาเนื้อทอง(ทองคำสูตรสุโขทัยที่ทำขึ้นมาเพื่อส่งส่วยให้กับขอม) และได้นำมาสร้างเป็นหมุดทองคำและสไบทองคำที่ฝั่งในพระเนื้อผงสีดำ และสีแดง
ผู้เขียนในครั้งแรกที่ได้สัมผัสถึงความแรงขององค์พระ ต้องยอมรับความจริงว่า พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ แรง ดี พิธีการสร้างสุดยอดเข้มขลัง ผู้สร้าง คือ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวเมืองสุโขทัยในปี พ.ศ.1898
การบรรจุกรุ ด้วยความรู้เชิงช่างได้ก้าวเข้าขั้นสุดยอดของวิวัฒนาการการบรรจุพระกรุ ด้วยการนำทรายที่มีสะเก็ดแร่เงิน(ทรายมงคล) นำมาผสมน้ำให้เหลว เป็นตัวประสานป้องกันองค์ พระนางพญา แตกหัก
พระ...กรุ วัดบ่อทองคำ จังหวัดพิษณุโลก ม.11 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
การสร้างพระบรรจุกรุนี้นำโดย พระมหาธรรมราชา (พญาลิไท) เชื้อพระวงศ์ และชาวเมืองในสมัยนั้น มีพระขนาดห้อยแขวนคอ ที่นิยมสร้างในสมัยนั้น เป็นพิมพ์ พระนางพญา
***** มวลสารโลหะสร้างเป็นพระเนื้อสีทองคำ(ทองสูตรพิเศษของราชวงศ์สุโขทัย)
***** พระ นางพญา เนื้อดินสีดำ สร้างจากมวลสารหลายชนิด
***** พระนางพญาเนื้อดินเผาออก สีแดง สร้างจากมวลสารหลายชนิด
รูปฝาไห ที่บรรจุ พระเนื้อผง จะวางแยกไว้ในกรุต่างหากไม่ได้วางไว้บนปากไห มีพระนางพญา 1 องค์ต่อ 1 ฝา ได้ใช้ดินเป็นตัวประสานป้องกันพระนางพญาแตกหัก
รูป ไหที่บรรจุพระผง ช่างสมัย เมื่อง พ.ศ 1898 ได้ใช้ดินเป็นตัวประสานป้องกันพระกระทบกับไหแตกหัก จึงทำให้เวลาผ่านมา 656 ปี พระที่ออกมาจากกรุึมีสะภาพแห้ง สมบูรณ์สวยงามทุกองค์
ใบนี้ที่ผู้เขียนล้างดินที่ใช้ยึดองค์พระนางพญาได้พระนางพญาทั้งหมด 13 องค์
พระ
ที่อยู่ในฝาไห ดินที่บรรจุยึดองค์พระเนื้อดินไว้ เมื่อแห้งยึดแกะแน่นมาก
ล้างดินออกดังรูปที่เห็นยังเกาะยึด ต้องออกแรงดึงเล็กน้อยจึงจะหลุดออกได้
ร่อง รอยของการยึดเกาะขององค์พระนางพญา กับ ดินที่ประสาน เมื่อนำพระนางพญาออกเผยให้เห็นถึงตัวอุ 3 ตัว ที่ได้จารอยู่ด้านหลังองค์พระนางพญา
องค์พระนางพญา เนื้อดำ ด้านหน้าฝังแผ่นทอง ก่อนบรรจุกรุได้ทาน้ำยารักษาองค์พระ และด้านหลังจารตัวอุ 3 ตัว กลับด้าน
องค์พระนางพญา เนื้อดำ ด้านหน้าฝังแผ่นทอง ด้านหลังจารตัว อุ บรรจุ แผ่นทอง
ก่อนบรรจุกรุได้ทาน้ำยารักษาองค์พระ
ร่องรอยของเนื้อดินที่ยึดเกาะองค์พระนางพญาด้านหลังเป็นตัว อุ ในไหบรรจุดพระนางพญามีลักษณะเป็นนกคุ้มคู่ ลากแตกลายงาสวยงดงามมาก
แต่ ละรูปเผยให้เห็นว่าดินที่ช่างสมัยโบราณใช้เป็นตัวประสานป้องกันองค์พระผงแตก หัก ยุดเกาะและป้องกันได้ดีมาก เนื้อดินเป็นดินละเอียดมีกากเงินผสม ซึ่งเป็นดินที่เป็นมงคล
พระเนื้อดิน สีแดง เผยให้เห็นมวลสารไม่ธรรมดา มีผงพุทธคุณสีขาว
พระเนื้อมวลสาร สีดำ เผยให้เห็นมวลสารหลากหลายชนิด ร่องรอยการตัดของไม่เหมือนใครดูชัดๆ
พระเนื้อทองคำ สูตรสมัยสุโขทัย
พระ นางพญา ที่สร้างจากส่วนผสมจากเศษโลหะที่ขัดแต่งองค์พระทั้ง 3 องค์ นำมาผสมหล่อหลอมสร้างใหม่เป็นพระนางพญาเนื้อทอง บรรจุอยู่ในใต้ฐานพระพุทธรูป ขนาด 5 นิ้ว, 7 นิ้ว และ 9 นิ้ว มีบางอค์ไม่ได้บรรจุ(ส่วนน้อยมาก)
พระนางพญาที่สร้างในสมัยเดี๋ยวกันกับ พระพุทธชินราช
--- เนื้อทองมีพลังพุทธานุภาพแรงที่สุด 550 เท่า เมื่อเทียบกับพระสมเด็จทั่วๆไป ครอบคุมทุกด้าน โดดเด่นที่สุดเรื่อง โชคลาภ โภคทรัพย์
--- เนื้อดำ ฝังแผ่นทอง อุดด้วยชันโรง โดดเด่นอันดับที่สอง มีพลังพุทธานุภาพแรงที่สุด 320 เท่า เมื่อเทียบกับพระสมเด็จทั่วๆไป
--- เนื้อดำ โดดเด่นอันดับที่สาม มีพลังพุทธานุภาพแรงที่สุด 225 เท่า เมื่อเทียบกับพระสมเด็จทั่วๆไป
--- เนื้อแดง โดดเด่นมากเป็นรองเพียงเนื้อดำเท่านั้น มีพลังพุทธานุภาพแรงที่สุด 64 เท่า เมื่อเทียบกับพระสมเด็จทั่วๆไป
เพิ่มเติมข้อมูลวันที่ 3 ก.พ.2555
พระนางพญากรุวัดบ่อทองคำ ที่ผู้เขียนพบเห็นมีหลากหลายทรงพิมพ์ ในกระทู้นี้จะขอกล่าวเฉพาะที่ผู้เขียนมีในครอบครองเท่านั้น
1781001 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ เนื้อดำ ฝังหมุด 3 หมุด
1781002 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ เนื้อดิน ฝังหมุด 6 หมุด
พระนางพญาเนื้อสีอิฐ หากใครสักเกตุสังนิดจะพบว่าสีคล้ายกับอิฐแดงหรืออิฐมอญ ที่ใช้ในการก่ออิฐทำผนังบ้าน พระนางพญาสีอิฐนี้เป็นเนื้อขององค์พระมีส่วนผสมหลัก คือ ดินเหนียว วิธีการเผาสุมไฟคล้ายๆกับวิธีการทำอิฐแดง(มอญ)ในปัจจุบัน หากได้รับความร้อนมาก อิฐที่เผาจะมีสีแดงเข้ม หากได้รับความร้อนพอดีจะมีสีออกแดงแบบส้มๆ หากเผาไม่ได้ที่จะออกสีเทาแดงน้อยๆ
พระนางพญาองค์นี้ด้านหลังและขอบด้านข้างจะสีแดงเข้มพิเศษ แสดงให้ทราบว่ามีความแข็งแกร่งทนทานมากกว่าองค์ที่มีสีอ่อนกว่า
1781003 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ เนื้อเทาดำ อมเขียว
1781004 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ
องค์นี้มีความแปลก คือ ด้านหลัง และด้านข้างมีสีขาวๆอยู่ที่องค์พระปลายแหลมด้านบน คล้ายๆกับสีก็ไม่เหมือนสี ล้างไม่ออก องค์นี้ผู้เขียนล้างออกมาจากไหบรรจุดินพร้อมกับองค์พระมีสีแปลกองค์นี้เพียง 1 องค์
1781005 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ สไบทอง หลังอุแผ่นทอง หน้าผากมีรูเจาะึลึกสำหรับฝังหมุดทอง น่าจะเดิมๆไม่ได้ฝังเอาไว้
องค์นี้อีกองค์หนึ่ง เป็นพระนางพญาเนื้อดำ ด้านหลังฝังตัว อุ แผ่นทอง
1781006 พระนางพญา กรุวัดบ่อทองคำ สีอิฐ (เนื้อดินเหนียวผสมมวลสารผสมเผาไฟที่ 800 องศา C) เผยให้เห็นผงตะไบทองที่ผสมอยู่ในเนื้อพระนางพญา
พระนางพญาองค์นี้มวลสารน่าเห็นเด่นชัด
1781007 เครื่องถ้วยสังคโลก หัวมังคุด สีน้ำตาลเข้ม เป็นการเคลือบสีพื้นเดียว ลักษณะรูปแบบและสีน้ำเคลือบคล้ายกับเครื่องถ้วยลพบุรีประเภทเคลือบสีน้ำตาล
ถ้วยสังโลก หัวมังคุด ใบนี้มีขนาดกว้างประมาณ 11 เซนติเมตร สูง 9 เซนติเมตร ใบนี้ที่ผู้เขียนล้างดินที่ใช้ยึดองค์พระนางพญาได้พระนางพญาทั้งหมด 22 องค์
1781008 เครื่องถ้วยเคลือบสีเขียวไข่กา หรือ เซลาดอน
เครื่องถ้วยเคลือบใบนี้เป็นแบบหูไห มีขนาดกว้างและสูงประมาณ 11 เซนติเมตร
คล้ายคลึงกับเครื่องถ้วยจีนจากเตาหลงฉวน สมัยราชวงศ์ซุ้งตอนปลายถึงราชวงศ์หยวน (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 19-20) ใบนี้ที่ผู้เขียนล้างดินที่ใช้ยึดองค์พระนางพญาได้พระนางพญาทั้งหมด 18 องค์
พระนางพญากรุวัดบ่อทองคำ เป็นพระแท้ที่มีอายุการสร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี มีพลังพุทธานุภาพที่โดดเด่นมากกว่าพระนางพญากรุวัดนางพญาหลายเท่า หากท่านใดชื่นชอบพระเนื้อดินประเภทพระนางพญา ผู้เขียนบอกได้แต่เพียงว่า เก็บครับ