วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

217. ปัจจัยตัง


ปัจจัยตัง 
เมื่อวันที่ 26-27 พ.ค.2555 ได้ไปกราบไหว้ครูบาร์อาจารย์ได้รับข้อมูลและพบเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องปัจจัยตัง และความรู้เกี่ยวกับเรื่องธรรมที่นำไปปฏิบัติ  จึงได้เขียนรวบรวมไว้เพื่อเป็นความรู้สำหรับคนที่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่เชื่อก็นึกว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งเล่าสู่กันฟัง
 
 เรื่อง พญามาร (ขอกล่าวสรุปเนื้อหาโดยรวม อาจไม่ตรงกันทุกคำพูด แต่เนื้อหาโดยรวมครบถ้วน)
ช่วงเช้าของวันที่ 26/05/2555 ขณะที่ผู้เขียนอยู่ในห้องสนทนาธรรม มีญาติธรรมเดินทางมาร่วมรวมอยู่ในห้องนับร้อยคน มีทั้งญาติธรรมที่นั่งอยู่ในที่เรียบร้อย และมีทั้งญาติธรรมที่กำลังนำปัจจัยมาน้อมถวายพ่อแม่ครูบาร์อาจารย์ สักพักผู้เขียนได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเสียงดังมากเหมือนคุยกัน จิตของผู้เขียนนึกขึ้นมาว่า “ใครหนอคุยกันดังขนาดนี้”  เพราะปกติญาติธรรมที่มาฟังธรรมจะไม่ส่งเสียงดังหรือพูดคุยกันในห้องนี้เมื่อหลวงพ่อ...อยู่ในห้อง จึงได้หันไปมองพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพูดจาเสียงดังฟังชัดทั้งห้อง (ขอเล่าเนื้อหาแบบสรุป เนื่องจากไม่ได้ถอดเทป)
(ผู้หญิง): ได้กล่าวแนะนำตัวเองว่าได้มาเข้าร่าง(ประทับทรง)ของผู้หญิงที่ตนเองมาด้วย กล่าวว่า “ลูกสาวไม่เชื่อแม่(ตนเอง) เชื่อแต่มึง(หลวงพ่อ) กูจึงพามันมาคุยกับมึง เพราะกูบอกให้มัน(ลูกสาว)รับเป็นร่างทรงของแม่ มันไม่ยอม มันเชื่อมึงคนเดียว กูเป็นแม่ของมัน กูคือพระนางจามเทวี กูจึงได้พามันมาเพื่อให้มึงอนุญาต เพราะปู่ของมัน พระข้างบนต่างนั่งดูมัน มองมันว่าไม่เชื่อฟัง มึงเองก็เห็นใช่ไหม...(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ) มึงอนุญาตให้กูเป็นร่างของมันใช่ไหม
(ผู้เขียน): มองแปลกดีนะนี่ก็อีกรายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพระนางจามเทวี จึงโน้มจิตสอบถามพระเบื้องบน... ได้รับทราบว่าเป็นของปลอม และได้สอบถามพระเบื้องบน...ว่าตัวผู้หญิงที่ถูกอ้างว่าเป็นลูกสาวในอดีตชาติเธอเคยมาสร้างบารมีด้วยการเป็นลูกชายคนโตของพระนางจามเทวีในสมัยก่อนใช่หรือไม่? สรุปว่าใช่
       ผู้เขียนยังนึกในใจว่า มาทั้งทีไม่รู้เลยหรือไงว่า ที่พูดกับหลวงพ่อ...ในอดีตท่านเป็นพระฤาษีวาสุเทพมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี เรื่องนี้ชอบกลดี
(หลวงพ่อ): เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฉันจะไปยุ่งด้วยไม่เหมาะ
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันเชื่อมึงคนเดียว มันบอกกูว่าอย่าพูดจากกับท่านไม่สุภาพเป็นการไม่เคารพ กูพอใจที่จะพูดอย่างนี้จะทำไม มันเอาเชือกของมึงผูกที่มือ 1 เส้น และสวมที่คอ 1 เส้น  เพื่อไม่ให้กูเข้าร่างมันแต่กูให้มันแกะออกและมันไม่เชื่อฟังกู มันบอกมันเชื่อแต่มึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)คนเดียว วันนี้มึงจะต้องยุ่งอนุญาตต่อหน้าพระ(พระสงฆ์ที่อยู่ในห้องสนทนาธรรม)เป็นสักขีพยานให้มัน มึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)จะว่าอย่างไร?
(หลวงพ่อ): เมื่ออยากให้ฉันยุ่ง ฉันก็จะยุ่งบอกว่าไม่อนุญาต ไม่อนุญาต
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อช่วยหนูด้วย แม่ไม่ยอม แม่เขาดึงหนู หนูเจ็บ หนูไม่อยากเป็นแบบนี้
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันไม่ยอมกู กูเป็นแม่มัน กูจะบังคับให้มันยอม มันไปทำบุญที่ไหนที่ผ่านมากูขัดขวางมันตลอด ถ้าไม่ยอมกูจะเอาให้มันตาย ทั้งๆที่มันมีผัวยังหนุ่ม
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อช่วยหนูด้วยแม่ไม่ยอม
(หลวงพ่อ): คนที่เป็นพ่อแม่ ไม่มีใคร ไม่ปรารถนาให้ลูกได้ดีมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นสัตว์...หรือมนุษย์ต่างเหมือนกัน
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อเขาเป็นใครเขาไม่ใช่แม่หนู หนูทำกรรมอะไรไว้ หลวงพ่อบอกหนูเถอะ หนูรับได้ หนูทำกรรมกับเขาชาติไหน
(หลวงพ่อ): เรื่องของอดีต รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นเรื่องของเก่าที่ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรให้เหมือนเดิมไม่ได้ เป็นเรื่องในอดีตที่ไปฆ่าเขาเมื่อ 10 ชาติที่แล้ว
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันฆ่ากู มันทำร้ายฆ่ากูทั้งครอบครัว กูจะให้มันไม่ได้ดี กูจะเอาให้มันตาย
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อช่วยหนูด้วย
(ผู้เขียน): มองที่องค์หลวงพ่อ...เห็นหลวงพ่อจุดธูปแล้วส่งไปให้สามีของ (ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว) เพื่อส่งต่อ...
(หลวงพ่อ): พนมมือแล้วว่าตามฉัน
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อเขาดึงมือหนู หนูเจ็บ หลวงพ่อช่วยหนูด้วย
(ผู้เขียน): มองที่ (ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว) แขนทั้ง 2 ข้างถูกดึงชี้ไปที่ด้านหลังคล้ายกับมีใครมาดึง โดยที่เธอทำหน้าตาแสดงอาการเจ็บปวด
(หลวงพ่อ): ดึงมือมาได้ ดึงมา
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): เธอพยายามดึงมือขวามาด้านหน้าได้หนึ่งมือ สามีเธอรีบส่งธูปไปให้ และเธอรับไว้ พร้อมทั้งพูดว่า หลวงพ่อเขาไม่ยอม เขาดึงมือหนูไว้ หนูเจ็บ
(หลวงพ่อ): เขาดึงก็ปล่อยเขา ว่าตามฉัน (หลวงพ่อกล่าวนำเพื่อขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร)  
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันฆ่ากูทั้งครอบครัว กูไม่ยอมจะทำไม มันฆ่ากูตายทั้งหมด โดยมีมึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)เป็นผู้นำ ในสมัยนั้นเรียกว่า สงครามเก้าทัพ มึงชื่อว่า บวรสิงหนาทฯ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) มันรบเก่งมาก มันฆ่าครอบครัวกูตายหมด มันเก่งมันครอบกายแก้ว คิดว่าจะช่วยมันได้ กูเป็นพญามาร เจ้ากรรมของมัน ต่อให้มีกายแก้วก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ กูจิกถือหัวมันอยู่ ไม่มีใครช่วยมันได้
(ผู้เขียน): มองที่องค์หลวงพ่อ...เห็นท่านนำเชือก...ขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้วผูกมัดเป็นสายสร้อย พร้อมทั้งอธิษฐานจิตและส่งมอบให้กับสามีของ(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว)ให้นำไปสวมคอ(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว)
(พญามาร): เท่าที่ผู้เขียนฟังพูดจาฟังไม่ได้ ไม่เกรงกลัวผู้ใด ไม่เคารพพระรัตนตรัย
(หลวงพ่อ): พูดด้วยเสียงดังฟังชัด (ผู้เขียนจำคำพูดได้ไม่หมดทุกคำพูดจึงขอสรุปดังนี้) หลวงพ่อได้อุทิศบุญที่หลวงพ่อได้สร้างมาตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันทั้งหมดยกให้กับ (พญามาร): พร้อมทั้งขอให้พญามารเลิกจองเวรซึ่งกันและกัน
(พญามาร): กูยกให้ เพราะเห็นแก่มึง ที่อุทิศบุญของมึงทั้งหมดให้กู แต่มึงทำแบบนี้บุญมึงหมดไหม บุญมึงยิ่งได้มากกว่าเดิม กูยอมมึงที่เอากูอยู่เชือกของมึงทำให้กูอยู่ไม่ได้ กูขอกล่าวให้คนที่อยู่ในที่นี้ให้สำนึกในบาป กูพญามาร กูจองล้างจองเวรกับมัน มันครอบกายแก้วก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ มันไปหาอาจารย์...หลายที่ ไปหาอาจารย์....(ชื่อ)ที่ว่าเก่งมันไม่ยากยุ่งกับกรรมของกมันก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ มีมึงที่กูนับถือ 
(เจ้าหน้าที่ฯ): หลวงพ่อเอาหวายที่หลวงพ่อ...ท่านมอบให้ไว้ไหมเจ้าค่ะ
(หลวงพ่อ): โบรกมือไล่
(พญามาร): พูดแบบไม่ต้องหันไปมอง คนอยู่ข้างนอก (นอกห้องที่เข้ามาพูด) อย่าสอดพูดขึ้นมา กูกำลังพูดอยู่ ไม่มีมารยาท เดี๋ยวกูไปตบปากให้หยุดพูดเดี๋ยวนี้
(หลวงพ่อ): โบรกมือไล่ แล้วพูดว่า ใกล้จบแล้ว
(พญามาร): (ผู้เขียนขอสรุปสั้นๆ) พญามารพูดสอนคนในห้องต่ออีก 2-3 ประโยค เกี่ยวกับบาปบุญอย่างได้กระทำ
(หลวงพ่อ): ตัดบทให้หยุดพูด บอกว่ากลับไปได้แล้ว
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ทำท่าจะกลับ แล้วหันกลับมากราบหลวงพ่อกล่าวว่า “เขาไม่อยากกลับ เขาอยากฟังธรรมด้วย”
(หลวงพ่อ): หลวงพ่อพยัคฆ์หน้า รับทราบ
(ผู้เขียน): นึกในใจ และก็ยิ้มเล็กน้อย “พญามารกลับใจ”
(หลวงพ่อ): ได้เทศนาเรื่องเกี่ยวกับการเวียนไหว้ตายเกิด เรื่อง เกี่ยวกับร่างกาย (ขัน 5) ไม่ควรยึดติดฯลฯ
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ทำท่าจะกลับ กล่าวว่า “เขาอยากฟังธรรมอีก”
(หลวงพ่อ): กลับได้ ไม่เป็นไร
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ตัวเธอและสามีจึงได้กราบลาหลวงพ่อ...เดินทางกลับ โดยที่พญามาร(เจ้ากรรมนายเวร)ยอมกลับไปและเลิกรากันด้วยดี
(หลวงพ่อ): ได้พูดคุยกับลูกศิษย์และญาติธรรมที่มาร่วมสนทนาธรรมและบำเพ็ญสร้างบุญบารมีต่างๆ  มีอยู่ช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า “ถ้ากลับช้ากว่านี้ สงสัยวันนี้คงจะได้รำงิ้ว” (ไล่พญามาร)  และหลวงพ่อ...ยังกล่าวอีกว่าเรื่องทำนองนี้ในประเทศไทยและที่พบมีเยอะ(ผู้เขียนตีความหมายว่า การเข้าทรงองค์เจ้าที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรมาหลอกมีเยอะ ยังไม่รวมพวกที่ไม่มีองค์แต่หลอกว่ามีองค์อีกนับไม่น้อย)
(ผู้เขียน): ได้น้อมจิตกล่าวโมทนาผลบุญที่หลวงพ่อ...ได้เมตตาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
*** ผู้เขียน เคยเขียนและเคยกล่าวไว้ในบล็อกว่า “ต่อให้มีวัตถุมงคลดีเพียงใด ถ้ามีเจ้ากรรมนายเวรมาส่งผล ช่วยได้จากหนักเป็นเบา และจากเบาเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ดังเหตุการณ์เรื่อง พญามารที่ผู้เขียนได้ประสบพบในครั้งนี้ ผู้หญิงที่ถูกพญามารตามจองเวร สามารถฝึก...ตั้งองค์พระเป็นกายแก้วครอบเอาไว้ พญามารก็ยังสามารถมาทำมิดีมิร้ายต่อเธอได้...เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องปัจจัยตัง พบ รู้ เห็น สัมผัสได้ด้วยเฉพาะบุคคล  พยายามลด เลิก ละ ในบาปที่ก่อให้น้อยที่สุด

เรื่อง การชำระหนี้สงฆ์ (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): ได้กล่าวและยกตัวอย่างเป็นนิทานเรื่องเล่า พร้อมทั้งให้เห็นภาพว่าถ้าตกนรกของที่เป็นของสงฆ์ จะเป็นโทษหนักที่สุดอันดับต้นๆ รายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับของสงฆ์มีมาก อีกทั้งยังทำความเข้าใจได้ยาก
สรุปว่า ใครมีวัตถุมงคลที่ไม่ทราบที่มา ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ ให้หมั่นชำระหนี้สงฆ์บ่อยๆ (ผู้เขียนเข้าใจว่า ถ้าได้มาทุกๆครั้งให้ชำระหนี้สงฆ์) 
พร้อมทั้งหลวงพ่อชี้แนะช่องทางออกให้ 3 ข้อ
  1. ฉันได้ชำระหนี้สงฆ์แล้ว (ต้องชำระเป็น ชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตชาติ สืบต่อๆมาถึงปัจจุบันและตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน)
  2. เจตนาของฉัน ฉันนับถือพระพุทธเจ้า   ฉันเก็บมาเพื่อนำมาไว้ในที่สูง
  3. ฉันไม่ทราบที่ไปที่มาของวัตถุ...เหล่านั้น...การไล่ที่ไปที่มา ยากที่จะหาหลักฐานมากล่าวอ้าง จะจริงหรือเท็จไม่ทราบได้
เรื่อง การอาราธนาบามีพระเบื้องบน(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): ได้กล่าวให้อาราธนาบามีพระพุทธเจ้า 30 ทัศ ด้วยพุทธานุภาพที่ได้สร้างบารมี ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์ ฯลฯ

ผู้เขียนขออธิบาย บารมี 30 ทัศ เพิ่มเติม
     การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ บารมีที่บำเพ็ญ คือ
--- ทานบารมี
--- เนกขัมมบารมี
--- ปัญญาบารมี
--- วิริยบารมี
--- ขันติบารมี
--- สัจจบารมี
--- อธิษฐานบารมี
--- เมตตาบารมี
--- และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี 30
     โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา 10 (บารมี) บารมี ชั้นกลาง 10 (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง 10 (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี 30 ประการ

เรื่อง เพชรนาคาหรือเพชรพญานาค... (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
ในวันที่ 27/05/2555 ผู้เขียนได้ถวายเพชรพญานาคให้กับพ่อแม่ครูบาร์อาจารย์ ท่านได้กล่าวว่า
(หลวงพ่อ): ลูกแก้วนี้เหาะได้ไหม
(ผู้เขียน): ลูกแก้วนี้เสด็จมาทางอากาศครับ
(หลวงพ่อ): ในสมัยที่หลวงพ่อฤาษี...มีผู้มอบลูกแก้ว(พญานาค) ลูกแก้วนี้เหาะได้ แต่หลวงพ่อฤาษี...ไม่ได้รับไว้ ของวิเศษจากคนสร้างขึ้น หรือใครก็แล้วแต่ที่สร้างขึ้นไม่สามารถช่วยให้ไปนิพพานได้  ทำให้ยึดติดกับของเหล่านี้  สมัยก่อนฉันก็ชอบเสาะแสวงหาของเหล่านี้ ของวิเศษต่างๆไม่เหมาะสำหรับช่วยเหลือคนในจำนวนมากๆ แต่ใช้สำหรับช่วยเหลือตัวเองจะดีกว่า กรณีเกิดน้ำท่วมจะไม่ให้น้ำท่วมเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกรรมของส่วนรวม  แต่ถ้าช่วยเหลือเฉพาะตนเองได้
*** สรุป จากจิตของผู้เขียน ลูกแก้วพญานาถสามารถช่วยเรื่องเหาะหืนเดินอากาศได้ และช่วยเรื่องป้องกันน้ำท่วมได้(อยู่ที่บารมีของผู้ใช่ว่ามีจาคะหรือไม่)

เรื่อง คาถาเงินล้าน(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): คาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษี...คนที่นำไปใช้ 
--- ผลที่ได้ในอดีตมีผู้นำไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ  จึงได้มีผู้นำไปใช้กันมาก  มีผู้ที่นำไปใช้แล้วไม่เกิดผลอะไรก็มีมาก ----- จะนำคาถาเงินล้าน...ไปบอกให้กับใคร  ต้องบอกให้ครบนะ เพราะใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน  จะใช้ได้ดีเช่นฉัน แล้วบอกให้ท่องตามฉันอย่างนี้ไม่ประสบความสำเร็จนะ
--- คาถาเงินล้านนี้จะได้ผลดีกับผู้ที่ไม่มีจาคะ  แต่ถ้าใช้ได้ผลแล้วเกิดความโลภอยากได้อีกมากๆก็จะเสื่อม
จาคะ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จาคะ แปลว่า ความเสียสละ, การแบ่งปัน, ความเอื้อเฟื้อ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า ทาน และ บริจาค
จาคะ หมายถึงการสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และหมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก่อความบาดหมางทะเลาะเบาะแว้ง เป็นต้นด้วย
จาคะ เป็นคุณธรรมที่ เป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติมองเห็นและเอื้ออาทรต่อความทุกข์ยากและความต้องการของ คนอื่น นำให้เป็นคนไม่คับแคบ ไม่เห็นแก่ตัวแล้วให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เป็นคนชอบให้ ชอบแบ่งปันคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง

เรื่อง สัจจะบารมี (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): เรื่องสัจจะบารมี ได้ตกลงกับใครไว้แล้วผิดสัจจะไม่หนักเท่ากับการผิดสัจจะกับพระ เช่น ว่าจะถวายอย่างนั้นอย่างนี้แล้วไม่ถวาย การผิดสัจจะบารมีจะทำให้เกิดความไม่คร่องตัว ของที่จะได้มาทำให้ไม่ได้ ทำให้หลุดรอยไป ภายหลังทำตามสัจจะก็จะทำให้ได้อย่างอื่นมาแทน
     เพียงแค่คิดว่าจะกระทำ เช่น ยกของชิ้นหนึ่งให้พระ เพียงแค่นี้ก็สำเร็จด้วยจิตแล้ว ของๆชิ้นนั้นก็จะตกเป็นของสงฆ์ทันที ถ้าผิดสัจจะบารมีจะมีผลกับผู้ที่ผิดสัจจะบารามี

เรื่อง เกิดมาทำไหม ในยุคนี้ที่เสี่ยงต่อการตกนรกสูง  (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):  (ได้ตั้งคำถามไว้มากมายเพื่อให้คิดและหาเหตุและผล)
--- ในยุคของการเสื่อม ไม่มีพระพุทธเจ้า อยู่บนวิมานดีๆลงมาเกิดทำไม
--- ในยุคที่มีพระพุทธเจ้า เกิดขึ้นมากมายทำไมถึงไม่เลือกลงมาเกิด ทำไมถึงเลือกลงมาเกิดในช่วงนี้ 
--- ถ้าหากศรัทธาบารมีเต็มฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเพียงแค่จบเดียวก็จบกิจได้แล้วทำไมไม่เลือกมาเกิด เพราะอะไร
--- การเลือกเกิดในช่วงนี้เป็นช่วงที่เสี่ยงอย่างมากที่จะถูกสิ่งรอบข้างชักนำให้ตกนรก ทำไมไม่เลือกเกิดในช่วงที่มีผู้คนนับถือและศรัทธาพระพุทธศาสนาทั่วทั้งแผ่นดิน ทำไมถึงเลือกเกิดในช่วงนี้
--- หาคำตอบได้ไหม หรือว่าตามใครเขามา มีหน้าที่อะไร

เรื่อง ภัยพิบัติ (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): ได้กล่าวถึง เรื่องภัยพิบัติ  ให้ทุกคนหมั่นปฏิบัติเอาตัวเองให้รอด เพราะในเวลาอันสั้นนี้ 4 – 5 ปี  จะไม่มีใครช่วยเหลือใครได้  ต้องช่วยเหลือตัวเอง  เพราะจะตายกันมาก

 เรื่อง การวิ่งหาข้อปฏิบัติ(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
 (หลวงพ่อ): ได้ชี้แนะไว้ 
--- ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลวงพ่อฤาษี...(วัดท่าซุง)ได้ทดสอบได้ปฏิบัติตามการชี้แนะสั่งสอนจากครูบาอาจารย์และพระพุทธเจ้า จึงได้นำผลที่ปฏิบัติมาสอนให้ปฏิบัติ พบปัญหาอะไรในการปฏิบัติมีกล่าวไว้ครบเลือกนำไปฟัง นำไปปฏิบัติ เป็นทางลัดที่ไม่ต้องค้นคว้าให้เสียเวลา
--- ในอดีตหากผู้ปฏิบัติมีกำลังใจเต็ม ต้องการไปนิพพาน จะต้องบำเพ็ญบารมีเวียนไหว้ตายเกิด ใช้ความสามารถของตนเองศึกษาปฏิบัติ 
***ถ้าเป็นสาวกฯต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมี 1 อสงไขยกำไรแสนกัป(เป็นเวลาอย่างน้อย)
***ถ้าเป็นพระปัจเจพุทธเจ้าต้องใช้เวลา 2 เท่าของสาวกฯ คือ บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกำไรแสนกัป (เป็นเวลาอย่างน้อย)
--- หลวงพ่อฤาษี...(วัดท่าซุง) ได้วางรากฐาน  ติดขัดเรื่องอะไร  ให้เปิดเทปของท่านฟัง  จำไม่ได้ก็เปิดฟังเอา  เป็นทางลัดไม่ต้องมานั่งศึกษาเอง ร่นระยะทางในการบำเพ็ญเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเวียนไหว้ตายเกิด

 เรื่อง การแจกธรรมะ(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
 (หลวงพ่อ): แจกแผ่นคำสอนของหลวงพ่อไป 100 แผ่น เท่ากับแจกคน 100 คน ถ้ามีเพียง 1 แผ่นหรือ 1 คนเชื่อและนำไปใช้ปฏิบัติ นับว่าได้ประสบความสำเร็จ  อีก 99 แผ่น คนไม่เชื่อไม่ศรัทธา 99 คนอยากตกนรกก็ปล่อยให้ตกไป