ปัจจัยตัง
เมื่อวันที่
26-27 พ.ค.2555
ได้ไปกราบไหว้ครูบาร์อาจารย์ได้รับข้อมูลและพบเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องปัจจัยตัง
และความรู้เกี่ยวกับเรื่องธรรมที่นำไปปฏิบัติ
จึงได้เขียนรวบรวมไว้เพื่อเป็นความรู้สำหรับคนที่เชื่อเรื่องเหล่านี้
ถ้าไม่เชื่อก็นึกว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งเล่าสู่กันฟัง
เรื่อง พญามาร (ขอกล่าวสรุปเนื้อหาโดยรวม
อาจไม่ตรงกันทุกคำพูด แต่เนื้อหาโดยรวมครบถ้วน)
ช่วงเช้าของวันที่
26/05/2555 ขณะที่ผู้เขียนอยู่ในห้องสนทนาธรรม มีญาติธรรมเดินทางมาร่วมรวมอยู่ในห้องนับร้อยคน
มีทั้งญาติธรรมที่นั่งอยู่ในที่เรียบร้อย
และมีทั้งญาติธรรมที่กำลังนำปัจจัยมาน้อมถวายพ่อแม่ครูบาร์อาจารย์
สักพักผู้เขียนได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเสียงดังมากเหมือนคุยกัน
จิตของผู้เขียนนึกขึ้นมาว่า “ใครหนอคุยกันดังขนาดนี้” เพราะปกติญาติธรรมที่มาฟังธรรมจะไม่ส่งเสียงดังหรือพูดคุยกันในห้องนี้เมื่อหลวงพ่อ...อยู่ในห้อง
จึงได้หันไปมองพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพูดจาเสียงดังฟังชัดทั้งห้อง
(ขอเล่าเนื้อหาแบบสรุป เนื่องจากไม่ได้ถอดเทป)
(ผู้หญิง):
ได้กล่าวแนะนำตัวเองว่าได้มาเข้าร่าง(ประทับทรง)ของผู้หญิงที่ตนเองมาด้วย
กล่าวว่า “ลูกสาวไม่เชื่อแม่(ตนเอง) เชื่อแต่มึง(หลวงพ่อ) กูจึงพามันมาคุยกับมึง
เพราะกูบอกให้มัน(ลูกสาว)รับเป็นร่างทรงของแม่ มันไม่ยอม มันเชื่อมึงคนเดียว
กูเป็นแม่ของมัน กูคือพระนางจามเทวี กูจึงได้พามันมาเพื่อให้มึงอนุญาต เพราะปู่ของมัน
พระข้างบนต่างนั่งดูมัน มองมันว่าไม่เชื่อฟัง มึงเองก็เห็นใช่ไหม...(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)
มึงอนุญาตให้กูเป็นร่างของมันใช่ไหม
(ผู้เขียน): มองแปลกดีนะนี่ก็อีกรายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพระนางจามเทวี
จึงโน้มจิตสอบถามพระเบื้องบน... ได้รับทราบว่าเป็นของปลอม และได้สอบถามพระเบื้องบน...ว่าตัวผู้หญิงที่ถูกอ้างว่าเป็นลูกสาวในอดีตชาติเธอเคยมาสร้างบารมีด้วยการเป็นลูกชายคนโตของพระนางจามเทวีในสมัยก่อนใช่หรือไม่? สรุปว่าใช่
ผู้เขียนยังนึกในใจว่า มาทั้งทีไม่รู้เลยหรือไงว่า ที่พูดกับหลวงพ่อ...ในอดีตท่านเป็นพระฤาษีวาสุเทพมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี เรื่องนี้ชอบกลดี
ผู้เขียนยังนึกในใจว่า มาทั้งทีไม่รู้เลยหรือไงว่า ที่พูดกับหลวงพ่อ...ในอดีตท่านเป็นพระฤาษีวาสุเทพมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี เรื่องนี้ชอบกลดี
(หลวงพ่อ): เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน
ฉันจะไปยุ่งด้วยไม่เหมาะ
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันเชื่อมึงคนเดียว
มันบอกกูว่าอย่าพูดจากกับท่านไม่สุภาพเป็นการไม่เคารพ
กูพอใจที่จะพูดอย่างนี้จะทำไม มันเอาเชือกของมึงผูกที่มือ 1 เส้น และสวมที่คอ 1
เส้น เพื่อไม่ให้กูเข้าร่างมันแต่กูให้มันแกะออกและมันไม่เชื่อฟังกู
มันบอกมันเชื่อแต่มึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)คนเดียว
วันนี้มึงจะต้องยุ่งอนุญาตต่อหน้าพระ(พระสงฆ์ที่อยู่ในห้องสนทนาธรรม)เป็นสักขีพยานให้มัน
มึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)จะว่าอย่างไร?
(หลวงพ่อ): เมื่ออยากให้ฉันยุ่ง ฉันก็จะยุ่งบอกว่าไม่อนุญาต
ไม่อนุญาต
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อช่วยหนูด้วย แม่ไม่ยอม แม่เขาดึงหนู
หนูเจ็บ หนูไม่อยากเป็นแบบนี้
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันไม่ยอมกู กูเป็นแม่มัน กูจะบังคับให้มันยอม
มันไปทำบุญที่ไหนที่ผ่านมากูขัดขวางมันตลอด ถ้าไม่ยอมกูจะเอาให้มันตาย
ทั้งๆที่มันมีผัวยังหนุ่ม
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว):
หลวงพ่อช่วยหนูด้วยแม่ไม่ยอม
(หลวงพ่อ):
คนที่เป็นพ่อแม่ ไม่มีใคร ไม่ปรารถนาให้ลูกได้ดีมีความสุข
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์...หรือมนุษย์ต่างเหมือนกัน
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อเขาเป็นใครเขาไม่ใช่แม่หนู
หนูทำกรรมอะไรไว้ หลวงพ่อบอกหนูเถอะ หนูรับได้ หนูทำกรรมกับเขาชาติไหน
(หลวงพ่อ): เรื่องของอดีต
รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นเรื่องของเก่าที่ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรให้เหมือนเดิมไม่ได้ เป็นเรื่องในอดีตที่ไปฆ่าเขาเมื่อ 10 ชาติที่แล้ว
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันฆ่ากู
มันทำร้ายฆ่ากูทั้งครอบครัว กูจะให้มันไม่ได้ดี กูจะเอาให้มันตาย
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อช่วยหนูด้วย
(ผู้เขียน): มองที่องค์หลวงพ่อ...เห็นหลวงพ่อจุดธูปแล้วส่งไปให้สามีของ
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว) เพื่อส่งต่อ...
(หลวงพ่อ): พนมมือแล้วว่าตามฉัน
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): หลวงพ่อเขาดึงมือหนู หนูเจ็บ หลวงพ่อช่วยหนูด้วย
(ผู้เขียน): มองที่ (ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว) แขนทั้ง
2 ข้างถูกดึงชี้ไปที่ด้านหลังคล้ายกับมีใครมาดึง
โดยที่เธอทำหน้าตาแสดงอาการเจ็บปวด
(หลวงพ่อ): ดึงมือมาได้ ดึงมา
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): เธอพยายามดึงมือขวามาด้านหน้าได้หนึ่งมือ
สามีเธอรีบส่งธูปไปให้ และเธอรับไว้ พร้อมทั้งพูดว่า หลวงพ่อเขาไม่ยอม
เขาดึงมือหนูไว้ หนูเจ็บ
(หลวงพ่อ): เขาดึงก็ปล่อยเขา ว่าตามฉัน
(หลวงพ่อกล่าวนำเพื่อขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร)
(ผู้อ้างเป็นพระนางจามเทวี): มันฆ่ากูทั้งครอบครัว กูไม่ยอมจะทำไม
มันฆ่ากูตายทั้งหมด โดยมีมึง(กล่าวชื่อฉายาหลวงพ่อ)เป็นผู้นำ
ในสมัยนั้นเรียกว่า สงครามเก้าทัพ มึงชื่อว่า
บวรสิงหนาทฯ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) มันรบเก่งมาก
มันฆ่าครอบครัวกูตายหมด มันเก่งมันครอบกายแก้ว คิดว่าจะช่วยมันได้ กูเป็นพญามาร
เจ้ากรรมของมัน ต่อให้มีกายแก้วก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ กูจิกถือหัวมันอยู่ ไม่มีใครช่วยมันได้
(ผู้เขียน): มองที่องค์หลวงพ่อ...เห็นท่านนำเชือก...ขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้วผูกมัดเป็นสายสร้อย
พร้อมทั้งอธิษฐานจิตและส่งมอบให้กับสามีของ(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว)ให้นำไปสวมคอ(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว)
(พญามาร): เท่าที่ผู้เขียนฟังพูดจาฟังไม่ได้
ไม่เกรงกลัวผู้ใด ไม่เคารพพระรัตนตรัย
(หลวงพ่อ): พูดด้วยเสียงดังฟังชัด
(ผู้เขียนจำคำพูดได้ไม่หมดทุกคำพูดจึงขอสรุปดังนี้) หลวงพ่อได้อุทิศบุญที่หลวงพ่อได้สร้างมาตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันทั้งหมดยกให้กับ
(พญามาร): พร้อมทั้งขอให้พญามารเลิกจองเวรซึ่งกันและกัน
(พญามาร): กูยกให้ เพราะเห็นแก่มึง
ที่อุทิศบุญของมึงทั้งหมดให้กู แต่มึงทำแบบนี้บุญมึงหมดไหม
บุญมึงยิ่งได้มากกว่าเดิม กูยอมมึงที่เอากูอยู่เชือกของมึงทำให้กูอยู่ไม่ได้
กูขอกล่าวให้คนที่อยู่ในที่นี้ให้สำนึกในบาป กูพญามาร กูจองล้างจองเวรกับมัน
มันครอบกายแก้วก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ มันไปหาอาจารย์...หลายที่ ไปหาอาจารย์....(ชื่อ)ที่ว่าเก่งมันไม่ยากยุ่งกับกรรมของกมันก็ช่วยอะไรมันไม่ได้
มีมึงที่กูนับถือ
(เจ้าหน้าที่ฯ):
หลวงพ่อเอาหวายที่หลวงพ่อ...ท่านมอบให้ไว้ไหมเจ้าค่ะ
(หลวงพ่อ): โบรกมือไล่
(พญามาร): พูดแบบไม่ต้องหันไปมอง
คนอยู่ข้างนอก (นอกห้องที่เข้ามาพูด) อย่าสอดพูดขึ้นมา กูกำลังพูดอยู่ ไม่มีมารยาท
เดี๋ยวกูไปตบปากให้หยุดพูดเดี๋ยวนี้
(หลวงพ่อ): โบรกมือไล่ แล้วพูดว่า ใกล้จบแล้ว
(พญามาร): (ผู้เขียนขอสรุปสั้นๆ)
พญามารพูดสอนคนในห้องต่ออีก 2-3 ประโยค เกี่ยวกับบาปบุญอย่างได้กระทำ
(หลวงพ่อ): ตัดบทให้หยุดพูด
บอกว่ากลับไปได้แล้ว
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ทำท่าจะกลับ
แล้วหันกลับมากราบหลวงพ่อกล่าวว่า “เขาไม่อยากกลับ เขาอยากฟังธรรมด้วย”
(หลวงพ่อ): หลวงพ่อพยัคฆ์หน้า
รับทราบ
(ผู้เขียน): นึกในใจ
และก็ยิ้มเล็กน้อย “พญามารกลับใจ”
(หลวงพ่อ): ได้เทศนาเรื่องเกี่ยวกับการเวียนไหว้ตายเกิด
เรื่อง เกี่ยวกับร่างกาย (ขัน 5) ไม่ควรยึดติดฯลฯ
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ทำท่าจะกลับ กล่าวว่า
“เขาอยากฟังธรรมอีก”
(หลวงพ่อ): กลับได้
ไม่เป็นไร
(ผู้หญิงที่ถูกอ้างเป็นลูกสาว): ตัวเธอและสามีจึงได้กราบลาหลวงพ่อ...เดินทางกลับ
โดยที่พญามาร(เจ้ากรรมนายเวร)ยอมกลับไปและเลิกรากันด้วยดี
(หลวงพ่อ):
ได้พูดคุยกับลูกศิษย์และญาติธรรมที่มาร่วมสนทนาธรรมและบำเพ็ญสร้างบุญบารมีต่างๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า “ถ้ากลับช้ากว่านี้
สงสัยวันนี้คงจะได้รำงิ้ว” (ไล่พญามาร)
และหลวงพ่อ...ยังกล่าวอีกว่าเรื่องทำนองนี้ในประเทศไทยและที่พบมีเยอะ(ผู้เขียนตีความหมายว่า
การเข้าทรงองค์เจ้าที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรมาหลอกมีเยอะ
ยังไม่รวมพวกที่ไม่มีองค์แต่หลอกว่ามีองค์อีกนับไม่น้อย)
(ผู้เขียน): ได้น้อมจิตกล่าวโมทนาผลบุญที่หลวงพ่อ...ได้เมตตาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
*** ผู้เขียน
เคยเขียนและเคยกล่าวไว้ในบล็อกว่า “ต่อให้มีวัตถุมงคลดีเพียงใด
ถ้ามีเจ้ากรรมนายเวรมาส่งผล ช่วยได้จากหนักเป็นเบา และจากเบาเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ดังเหตุการณ์เรื่อง พญามารที่ผู้เขียนได้ประสบพบในครั้งนี้ ผู้หญิงที่ถูกพญามารตามจองเวร
สามารถฝึก...ตั้งองค์พระเป็นกายแก้วครอบเอาไว้ พญามารก็ยังสามารถมาทำมิดีมิร้ายต่อเธอได้...เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องปัจจัยตัง
พบ รู้ เห็น สัมผัสได้ด้วยเฉพาะบุคคล พยายามลด
เลิก ละ ในบาปที่ก่อให้น้อยที่สุด
เรื่อง
การชำระหนี้สงฆ์ (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):
ได้กล่าวและยกตัวอย่างเป็นนิทานเรื่องเล่า
พร้อมทั้งให้เห็นภาพว่าถ้าตกนรกของที่เป็นของสงฆ์ จะเป็นโทษหนักที่สุดอันดับต้นๆ
รายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับของสงฆ์มีมาก อีกทั้งยังทำความเข้าใจได้ยาก
สรุปว่า ใครมีวัตถุมงคลที่ไม่ทราบที่มา
ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ ให้หมั่นชำระหนี้สงฆ์บ่อยๆ (ผู้เขียนเข้าใจว่า ถ้าได้มาทุกๆครั้งให้ชำระหนี้สงฆ์)
พร้อมทั้งหลวงพ่อชี้แนะช่องทางออกให้ 3 ข้อ
- ฉันได้ชำระหนี้สงฆ์แล้ว (ต้องชำระเป็น ชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตชาติ สืบต่อๆมาถึงปัจจุบันและตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน)
- เจตนาของฉัน ฉันนับถือพระพุทธเจ้า ฉันเก็บมาเพื่อนำมาไว้ในที่สูง
- ฉันไม่ทราบที่ไปที่มาของวัตถุ...เหล่านั้น...การไล่ที่ไปที่มา ยากที่จะหาหลักฐานมากล่าวอ้าง จะจริงหรือเท็จไม่ทราบได้
เรื่อง
การอาราธนาบามีพระเบื้องบน…(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):
ได้กล่าวให้อาราธนาบามีพระพุทธเจ้า
30 ทัศ ด้วยพุทธานุภาพที่ได้สร้างบารมี ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์
ฯลฯ
ผู้เขียนขออธิบาย บารมี 30 ทัศ เพิ่มเติม
การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ บารมีที่บำเพ็ญ คือ
--- ทานบารมี
--- เนกขัมมบารมี
--- ปัญญาบารมี
--- วิริยบารมี
--- ขันติบารมี
--- สัจจบารมี
--- อธิษฐานบารมี
--- เมตตาบารมี
--- และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี 30
โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา 10 (บารมี) บารมี ชั้นกลาง 10 (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง 10 (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี 30 ประการ
ผู้เขียนขออธิบาย บารมี 30 ทัศ เพิ่มเติม
การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ บารมีที่บำเพ็ญ คือ
--- ทานบารมี
--- เนกขัมมบารมี
--- ปัญญาบารมี
--- วิริยบารมี
--- ขันติบารมี
--- สัจจบารมี
--- อธิษฐานบารมี
--- เมตตาบารมี
--- และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี 30
โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา 10 (บารมี) บารมี ชั้นกลาง 10 (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง 10 (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี 30 ประการ
เรื่อง
เพชรนาคาหรือเพชรพญานาค... (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
ในวันที่
27/05/2555 ผู้เขียนได้ถวายเพชรพญานาคให้กับพ่อแม่ครูบาร์อาจารย์ ท่านได้กล่าวว่า
(หลวงพ่อ):
ลูกแก้วนี้เหาะได้ไหม
(ผู้เขียน): ลูกแก้วนี้เสด็จมาทางอากาศครับ
(หลวงพ่อ):
ในสมัยที่หลวงพ่อฤาษี...มีผู้มอบลูกแก้ว(พญานาค)
ลูกแก้วนี้เหาะได้ แต่หลวงพ่อฤาษี...ไม่ได้รับไว้ ของวิเศษจากคนสร้างขึ้น
หรือใครก็แล้วแต่ที่สร้างขึ้นไม่สามารถช่วยให้ไปนิพพานได้ ทำให้ยึดติดกับของเหล่านี้ สมัยก่อนฉันก็ชอบเสาะแสวงหาของเหล่านี้ ของวิเศษต่างๆไม่เหมาะสำหรับช่วยเหลือคนในจำนวนมากๆ
แต่ใช้สำหรับช่วยเหลือตัวเองจะดีกว่า กรณีเกิดน้ำท่วมจะไม่ให้น้ำท่วมเป็นไปไม่ได้
เพราะเป็นกรรมของส่วนรวม
แต่ถ้าช่วยเหลือเฉพาะตนเองได้
*** สรุป จากจิตของผู้เขียน
ลูกแก้วพญานาถสามารถช่วยเรื่องเหาะหืนเดินอากาศได้ และช่วยเรื่องป้องกันน้ำท่วมได้(อยู่ที่บารมีของผู้ใช่ว่ามีจาคะหรือไม่)
เรื่อง
คาถาเงินล้าน(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):
คาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษี...คนที่นำไปใช้
--- ผลที่ได้ในอดีตมีผู้นำไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ
จึงได้มีผู้นำไปใช้กันมาก มีผู้ที่นำไปใช้แล้วไม่เกิดผลอะไรก็มีมาก -----
จะนำคาถาเงินล้าน...ไปบอกให้กับใคร
ต้องบอกให้ครบนะ เพราะใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน
จะใช้ได้ดีเช่นฉัน แล้วบอกให้ท่องตามฉันอย่างนี้ไม่ประสบความสำเร็จนะ
--- คาถาเงินล้านนี้จะได้ผลดีกับผู้ที่ไม่มีจาคะ
แต่ถ้าใช้ได้ผลแล้วเกิดความโลภอยากได้อีกมากๆก็จะเสื่อม
จาคะ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จาคะ หมายถึงการสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น
และหมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ
และการเลิกละนิสัย ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก่อความบาดหมางทะเลาะเบาะแว้ง
เป็นต้นด้วย
จาคะ เป็นคุณธรรมที่ เป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติมองเห็นและเอื้ออาทรต่อความทุกข์ยากและความต้องการของ
คนอื่น นำให้เป็นคนไม่คับแคบ ไม่เห็นแก่ตัวแล้วให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เป็นคนชอบให้ ชอบแบ่งปันคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง
เรื่อง สัจจะบารมี
(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):
เรื่องสัจจะบารมี
ได้ตกลงกับใครไว้แล้วผิดสัจจะไม่หนักเท่ากับการผิดสัจจะกับพระ เช่น
ว่าจะถวายอย่างนั้นอย่างนี้แล้วไม่ถวาย การผิดสัจจะบารมีจะทำให้เกิดความไม่คร่องตัว
ของที่จะได้มาทำให้ไม่ได้ ทำให้หลุดรอยไป ภายหลังทำตามสัจจะก็จะทำให้ได้อย่างอื่นมาแทน
เพียงแค่คิดว่าจะกระทำ เช่น ยกของชิ้นหนึ่งให้พระ
เพียงแค่นี้ก็สำเร็จด้วยจิตแล้ว ของๆชิ้นนั้นก็จะตกเป็นของสงฆ์ทันที
ถ้าผิดสัจจะบารมีจะมีผลกับผู้ที่ผิดสัจจะบารามี
เรื่อง เกิดมาทำไหม ในยุคนี้ที่เสี่ยงต่อการตกนรกสูง (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): (ได้ตั้งคำถามไว้มากมายเพื่อให้คิดและหาเหตุและผล)
--- ในยุคของการเสื่อม ไม่มีพระพุทธเจ้า อยู่บนวิมานดีๆลงมาเกิดทำไม
--- ในยุคที่มีพระพุทธเจ้า เกิดขึ้นมากมายทำไมถึงไม่เลือกลงมาเกิด ทำไมถึงเลือกลงมาเกิดในช่วงนี้
--- ถ้าหากศรัทธาบารมีเต็มฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเพียงแค่จบเดียวก็จบกิจได้แล้วทำไมไม่เลือกมาเกิด เพราะอะไร
--- การเลือกเกิดในช่วงนี้เป็นช่วงที่เสี่ยงอย่างมากที่จะถูกสิ่งรอบข้างชักนำให้ตกนรก ทำไมไม่เลือกเกิดในช่วงที่มีผู้คนนับถือและศรัทธาพระพุทธศาสนาทั่วทั้งแผ่นดิน ทำไมถึงเลือกเกิดในช่วงนี้
--- หาคำตอบได้ไหม หรือว่าตามใครเขามา มีหน้าที่อะไร
เรื่อง
ภัยพิบัติ (ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ):
ได้กล่าวถึง
เรื่องภัยพิบัติ ให้ทุกคนหมั่นปฏิบัติเอาตัวเองให้รอด
เพราะในเวลาอันสั้นนี้ 4 – 5 ปี
จะไม่มีใครช่วยเหลือใครได้
ต้องช่วยเหลือตัวเอง
เพราะจะตายกันมาก
เรื่อง การวิ่งหาข้อปฏิบัติ(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): ได้ชี้แนะไว้
--- ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลวงพ่อฤาษี...(วัดท่าซุง)ได้ทดสอบได้ปฏิบัติตามการชี้แนะสั่งสอนจากครูบาอาจารย์และพระพุทธเจ้า จึงได้นำผลที่ปฏิบัติมาสอนให้ปฏิบัติ พบปัญหาอะไรในการปฏิบัติมีกล่าวไว้ครบเลือกนำไปฟัง นำไปปฏิบัติ เป็นทางลัดที่ไม่ต้องค้นคว้าให้เสียเวลา
--- ในอดีตหากผู้ปฏิบัติมีกำลังใจเต็ม ต้องการไปนิพพาน จะต้องบำเพ็ญบารมีเวียนไหว้ตายเกิด ใช้ความสามารถของตนเองศึกษาปฏิบัติ
***ถ้าเป็นสาวกฯต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมี 1 อสงไขยกำไรแสนกัป(เป็นเวลาอย่างน้อย)
***ถ้าเป็นพระปัจเจพุทธเจ้าต้องใช้เวลา 2 เท่าของสาวกฯ คือ บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกำไรแสนกัป (เป็นเวลาอย่างน้อย)
--- หลวงพ่อฤาษี...(วัดท่าซุง) ได้วางรากฐาน ติดขัดเรื่องอะไร ให้เปิดเทปของท่านฟัง จำไม่ได้ก็เปิดฟังเอา เป็นทางลัดไม่ต้องมานั่งศึกษาเอง ร่นระยะทางในการบำเพ็ญเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเวียนไหว้ตายเกิด
เรื่อง การแจกธรรมะ(ผู้เขียนขอสรุปเนื้อหาเพื่อความกระชับ)
(หลวงพ่อ): แจกแผ่นคำสอนของหลวงพ่อไป 100 แผ่น เท่ากับแจกคน 100 คน ถ้ามีเพียง 1 แผ่นหรือ 1 คนเชื่อและนำไปใช้ปฏิบัติ นับว่าได้ประสบความสำเร็จ อีก 99 แผ่น คนไม่เชื่อไม่ศรัทธา 99 คนอยากตกนรกก็ปล่อยให้ตกไป