พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า
ในบรรดาพระเครื่องชั้นนำของเมือง มักมีชื่อของ “พระขุนแผน” รวมอยู่ในพระกรุยอดนิยมต่างๆ จำนวนมาก แต่หาคนที่รู้จัก พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า ซึ่งเป็นพระกรุ มีอายุการสร้างมา 136 ปี(นับถึง พ.ศ.2554) จำกัดในวงแคบๆ อีกทั้งยังได้ทดสอบเป็นที่ประจัก ซึ่งผู้เขียนได้แต่ฟังเมื่อนานมาแล้ว และเมื่อวันก่อนผู้เขียนได้พบ “พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” ทำให้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง คนที่เล่าให้ฟังไม่ได้กล่าวเกินจริง ผู้เขียนคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดีกับพระฯพิมพ์นี้ เพราะพลังที่สัมผัสช่างน่ากลัวสำหรับคนบางประเภท(นำไปใช้ในทางที่ไม่ดี) แต่ก็มีข้อดีกลับอีกคนบางประเภท มีสิ่งบอกเหตุให้ซื้อ จึงได้ซื้อเหมามาทั้งหมดรวม 91 องค์
องค์พระความงดงามของพุทธศิลปะ โดดเด่นยิ่งนัก
อิทธิคุณ เลิศล้ำเกินคำบรรยาย สุดยอดมหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม คงกระพันชาตรี มหาอำนาจ ไม่มีพระขุนแผนของที่ใดเสมอเหมือน จัดเป็นพระยอดสุดยอดของ “พระขุนแผน” ของดีๆที่วงการ ไม่รู้จัก
อิทธิปาฏิหาริย์ หรือ ฤทธิ์อันเป็นอัศจรรย์ ที่อธิฐานจิตใน พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า ไม่มีที่ใดเหมือนและทำได้ ผู้เขียนคิดอยู่นานว่าจะเขียนกระทู้เกี่ยวกับ พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า นี้ดีหรือไม่ เมื่อสอบถามพระเบื้องบน...ได้รับคำตอบว่า “ผู้สร้างมีเจตนาดี “ผู้เขียนจึงได้เขียนกระทู้เรื่องนี้ขึ้น
เสน่ห์ประกอบด้วย เสน่ห์ 3 ประเภท ดังนี้
1. เสน่ห์ธรรมดาที่ใครเห็นก็รู้สึกชอบ
2. มหาเสน่ห์ (ขั้นกลาง) ที่ทำให้คนรักและคิดถึง ฝันถึง จนอยู่ไม่ได้ต้องร้องไห้มาหา
3. สุดยอดมหาเสน่ห์(ขั้นสูง) ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีอารมณ์ทางเพศกับเราในระดับ กระตุ้นอารมณ์อ่อนๆไปจนถึงแรงมาก
พระขุนแผนกรุวัดพระแก้วของวังหน้า พระดี สร้างอธิฐานจิตอัดพลังอิทธิคุณโดยฆราวาสไม่ใช่พระสงฆ์ จึงสามารถก่อให้เกิดอิทธิอิทธิปาฏิหาริย์ เต็มที่ได้สูงสุดถึงสุดยอดมหาเสน่ห์ (เสน่ห์อันเป็นที่ต้องการของชายและหญิง)
กำเนิด “พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” ฆราวาสที่อธิฐานจิตบุคคลที่สำคัญที่สุด คือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ วังหน้าองค์สุดท้ายในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอธิฐานจิตใน“พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” อีกทั้งยังเป็นพระขุนแผนที่ทรงโปรดให้สร้างขึ้น
คำกล่าวที่ว่า “อยู่ใต้ 1 คน แต่อยู่เหนือคนทั้งประเทศ” ด้วยพระบารมีมากเหลือล้นขนาดนี้ ขอถามท่านผู้อ่านสักนิดว่า สาวน้อย สาวมากทั้งหลายแต่ละคนในอดีตมีใครบ้างไม่คิดหมายปองพระองค์ท่าน เมื่อพระองค์ท่านเป็นผู้อธิฐานจิตจึงสมบูรณ์ว่าด้วยเรื่องสุดยอดมหาเสน่ห์ครบถ้วนสมบูรณ์ อีกทั้งพระองค์ยังเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่เทพโลกอุดรวิชาอาคมของพระองค์ย่อมไม่ธรรมดา
พิมพ์ทรง “พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” พิมพ์นี้ไม่เหมือนใคร แต่ผู้เขียนได้ค้นหาในเว็บ ทำให้ทราบว่าพระพิมพ์นี้ถูกลอกเรียนแบบไปเรียบร้อย เป็นข่าวดังที่เรียกว่า พระขุนแผน ปางโคโยตี้ เกจิวัดเซิงหวาย ปลุกเสก .....ลิงค์ http://news.hunsa.com/detail.php?id=22057 พิมพ์เรียนแบบนี้ทำได้ใกล้เคียง “พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” เป็นที่เสาะแสวงหาของตลาดเสียด้วยซิ ผู้เขียนเข้าใจว่าคนที่นำไปสร้างได้นำ “พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า” ไปบดแล้วผสมร่วมใส่ใน พระขุนแผน ปางโคโยตี้ วัดเซิงหวาย เป็นแน่แท้
พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า จำนวนการสร้างไม่น่าจะมาก แต่ผู้เขียนเหมามา 91 องค์ ลักษณะพิมพ์เป็นพิมพ์ 5 เหลี่ยม ขนาดความสูงประมาณ 6 เซนติเมตร ผู้เขียนไม่แปลกใจเลยเพราะนี้ คือ พระพิมพ์พิเศษของวังหน้า พิมพ์พิเศษที่พบส่วนใหญ่มักจะเป็นพระองค์ใหญ่
ลักษณะธรรมชาติ พระขุนแผน กรุวัดพระแก้วของวังหน้า ดูเอาเองครับไม่ขอบรรยาย
พระขุนแผนชุดนี้ เป็นพระกรุที่ผิวสะอาด เนื่องจากพระฯในอดีตเก็บรักษาไว้มีสภาพดี ไม่จมดินหรือถูกน้ำท่วมขัง ดังนั้น จึงไม่มีคราบขี้กรุเกาะติดหนาให้เห็น มี พุทธคุณสูงส่ง ทางด้าน สุดยอดมหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม คงกระพันชาตรี มหาอำนาจ ฯลฯ เป็นเลิศ
เสน่ห์ก่อให้เกิดอะไรได้บ้าง
เสน่ห์ทางกายเป็นเสน่ห์ที่เน้นพลังฝ่ายดึงดูดมากกว่าอย่างอื่น เช่น เห็นแล้วดึงดูดให้อยากมองนานๆ ยากจะถอนสายตา หรือกระทั่งอยากถลาเข้าไปลองสัมผัสให้ได้เดี๋ยวนั้น
เสน่ห์ทางวาจา
เป็นเสน่ห์ที่มีพลังฝ่ายประทับมากกว่าอย่างอื่น เช่น ฟังพูดแล้วติดหูไม่รู้ลืม ราวกับพลังเสียงและสำเนียงพูดบุกรุกเข้ามาฝังตัวและกลอกกลิ้งอยู่ในแก้วหูคนฟัง พอห่างกันแล้วถวิลถึงราวกับโดนเสน่ห์ยาแฝด
เสน่ห์ทางวาจาจะแผลงฤทธิ์เต็มที่ต่อเมื่อผู้พูดมีโอกาสฉายไม้เด็ดสักประโยค สองประโยค การโอภาปราศรัยทักทายเพียงคำสองคำอาจจะยังไม่ได้ผลนัก แต่หากได้ช่องสำแดงเดชเต็มกำลัง เสน่ห์ทางวาจาก็อาจชวนให้หวนคิดถึงได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายมาก เนื่องจากความทรงจำเกี่ยวกับสุ่มเสียงและถ้อยคำจะยืนยาวกว่าความทรงจำเกี่ยว กับรูปลักษณ์
เสน่ห์ทางกระแสจิต
เป็นเสน่ห์ชนิดที่มีพลังชโลมได้มากกว่าอย่างอื่น เช่น แค่เข้าใกล้รัศมีใครบางคน...ก็รู้สึกเยือกเย็น หรือกระทั่งเกิดความเงียบสงัด ไร้ความคิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด กระแสจิตเปี่ยมด้วยอิทธิพลแห่งพลังดึงดูดและพลังประทับได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายกับวาจารวมกันเสียอีก
หากคุณเคยมีประสบการณ์ผ่านพบใครบางคน ที่คุณอยู่ใกล้ๆแล้วเกิดความอยากอยู่ใกล้ เมื่อห่างไปก็ถวิลถึง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาไม่จัดว่าเลอเลิศ กับทั้งถ้อยทีเจรจาก็งั้นๆ นั่นแหละตัวอย่างของมหาเสน่ห์ขั้นกลางยังไม่ถึงขั้นสุดยอดมหาเสน่ห์
พระพิมพ์นี้ ผู้เขียนขอเรียกว่า "ขุนแผนออกศึก" สุดยอดมหาเสน่ย์จะเป็นเช่นไร ผู้ถึงแล้วพบแล้ว เท่านั้นจึงจะเข้าใจ
การนำไปใช้ในทางไม่เกี่ยวกับชู้สาว
- ด้านเจรจาพาที ว่าด้วยการค้าธุรกิจทุกๆแขนงดีเยี่ยมยอด เพราะพระขุนแผนวัดพระแก้วของวังหน้า พุทธคุณสูงส่ง ทางด้าน สุดยอดมหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม คงกระพันชาตรี มหาอำนาจ ฯลฯ เป็นเลิศ แต่ขาดทางด้านโภคทรัพย์ เสริมพระเครื่องที่เด่นทางด้านโภคทรัพย์สักองค์ เพียงเท่านี้ก็สมบูรณ์ เจรจาการค้า เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่หายห่วงด้วยประการทั้งปวง
พระขุนแผนวัดพระแก้วของวังหน้า พิมพ์ "ขุนแผนออกศึก" มีขนาดสูงประมาณ 6 เซนติเมตร พิมพ์นี้ถูกลอกเรียนพิมพ์ เป็นข่าวดังที่เรียกว่า พระขุนแผน ปางโคโยตี้ เกจิวัดเซิงหวาย ปลุกเสก
101001 เนื้อหามวลสารดูกันเอาเองนะครับ สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น
101002
101003
101004
101005 องค์นี้เมื่อกลับมาภายหลัง พบด้านหลังองค์พระได้ผ่านการขูด(ไม่อยากคิดด้านอื่น) เห็นมวลสารขององค์พระหลากหลาย เชิญทัศนะตามสบายครับ
101006
101007
101008
ใครมีโอกาสได้พบเห็น นิมนต์ท่านไว้ครับ เพื่อความมีเสน่ห์ในด้านทำการค้าาขายธุรกิจ ส่วนทางด้านชูสาวนั้นแรงนัก ผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึง เพราะเขียนไปจะเป็นบาปกรรมให้กับผู้เขียนโดยใช่เหตุ
ลืมไปเขียนจนหมดบทความของกระทู้แต่ไม่ได้บอกรายละเอียด
"พระขุนแผนกรุวัดพระแก้วของวังหน้า"
- สร้าง พ.ศ. 2418
- อธิฐานจิตปลุกเสก โดย ฆราวาสไม่ใช้พิธีกรรมแบบพุทธาภิเษกแบบพระสงฆ์ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นผู้อธิฐานจิตหลัก
- กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงโปรดให้สร้างขึ้น ทราบแต่เพียงว่า ให้สร้างขึ้นเพราะมีวัตถุประสงค์เจตนาดี
ผู้เขียนมานึกดูน่าจะจริงเหมาะสมสำหรับยุคการปกครองที่ผู้หญิงเป็นใหญ่
จะเข้าหาผู้หญิงหรือนักธุริกิจใหญ่ที่ปัจจุบันมักจะบริหารตำแหน่งใหญ่ๆโตๆ เหมาะสมครับเจตนาดี
ก่อให้เกิด "สุดยอดมหาเสน่ห์" การดำเนินชีวิตราบรื่น คร่องตัวทุกประการก็ด้วยเหตุประการฉะนี้