วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

87. บาตรน้ำมนต์ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์

พูดถึงบาตรน้ำมนต์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ หรือ เมื่อสมัยก่อนสิ้นพระชนชีพมีพระนามว่า "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์"


พระเกจิอาจารย์ในสมัยอดีตจนถึงยุคปัจจุบันมักจะมีบาตรน้ำมนต์ส่วนตัวทั้งสิ้น  ดังนั้น "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" ก็มีบาตรน้ำมนต์ดังกล่าวเช่นกัน


บาตรน้ำมนต์ชุดนี้เป็นของ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" ได้ตกทอดสืบต่อๆกันมา ภายหลังอยู่ในการครอบครองของ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)" และตกทอดถึง คุณหญิงแม้น สุนทรเทพกิจจารักษ์ และสืบทอดมาถึงทายาท


เจ้าของผู้ครอบครองได้อนุญาตให้นำภาพบาตรน้ำมนต์ของ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" มาให้ชื่นชมเป็นวิทยาทาน  บรรยายอย่างไรก็สู้เห็นภาพแล้วจินตนาการด้วยตนเองดีกว่านะครับ


รูปที่ 1 ด้านหน้าบาตรน้ำมนต์ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์"  บาตรน้ำมนต์ชุดนี้อธิฐานจิตครั้งแรก พ.ศ.2428    แต่จารึกไว้ รศ.110 (พ.ศ.2434)

รูปที่ 2  ซ้ายมือบาตรน้ำมนต์  กลางฝาครอบน้ำมนต์   ขวามือฐานวางบาตรน้ำมนต์

รูปที่ 3  ด้านในบาตรน้ำมนต์  เห็นกันจะๆไปเลยว่า  บาตรน้ำมันต์ของสมเด็จฯกรมพระยาปวเรศฯ หลวงปู่แท้ๆ เป็นเช่นไร  รูปนี้แสดงให้เห็นเทียนที่ฉาบผนังของบาตรน้ำมนต์และเหรียญทำน้ำมนต์ 2 เหรียญ  อีกทั้งด้านล่างพระกริ่งปววเรศ... อยู่บนฐานกลีบบัวงดงามยิ่งนัก


รูปที่ 4 เหรียญทำน้ำมนต์ที่อยู่ในบาตรน้ำมนต์จะมีอยู่ 3 เหรียญ  สร้างอธิฐานจิต พ.ศ.2434


รูปที่ 5 และ รูปที่ 6   พระกริ่งปวเรศ พิมพ์"สมบูรณ์พูนสุข" สร้างวาระ พ.ศ.2411 ประทับอยู่ที่ก้นบาตรน้ำมนต์บนฐานดอกบัว 

***ยังมีรูปรายละเอียดอีกหลายด้านหลายมุมมอง  มีอีกหลายรูปที่ได้ถ่ายรูปไว้***
ลิงค์...พระเครื่องทายาท...สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)

บาตรน้ำมนต์ชุดที่ 2 เป็นของสมาชิกธรรมทางภาคเหนือได้ส่งรูปมาเป็นวิทยาทาน
- บาตรน้ำมนต์ชุดนี้อดีตเคยเป็นบาตรน้ำมนต์ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีฯสำคัญต่างๆในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม 

รูปกลางแสดงรูปบาตรน้ำมนต์ทั้งชุด                            
รูปบนแสดงพระกริ่งปวเรศอีกพิมพ์หนึ่งที่อยู่ก้นบาตรน้ำมนต์
รูปล่าง เผยให้เห็นเหรียญทำน้ำมนต์ 





บาตรน้ำมนต์ชุดเดียวกันกับชุดที่ 2  ผู้ครอบครองได้จ้างช่างที่ร้านทอง  ทำความสะอาดนภายอกของบาตรน้ำมนต์เผยให้เห็นวรรณะสีผิวภายในที่สวยงดงามเมื่อ 120 ปีที่ผ่านมา  ใช้เวลาขัดเช็ดถูทำความสะอาดถึง 1 สัปดาห์จึงได้เห็นเป็นประการเช่นนี้แล  ผู้เขียนลงความเห็นว่าเสียของเก่าแต่ได้ความใหม่ หุหุหุ





ใครมีบาตรน้ำมนต์เก่าๆ  มีอายุหลายสิบปีถึงหลายร้อยปี  มักจะทำใจไม่ได้กับการที่จะนำน้ำมนต์ที่อธิฐานจิตเสร็จแล้วนำมาดื่มกินจากในบาตรน้ำมนต์  เมื่อทำการขัดถูความเก่าก็จะเสียไป  หากทำใจได้ก็ไม่เป็นไร  หากทำใจไม่ได้พระพุทธองค์...ท่านได้กล่าวไว้ดังนี้ครับ
- น้ำมนต์ที่พระ...ทำให้เสร็จแล้ว  อนุญาตให้นำไปต้มแล้วนำมาดื่มกินได้  ใช้ได้เหมือนกับที่ไม่ได้นำไปต้มเช่นเดียวกัน
- บาตรน้ำมนต์หลายๆใบมักมองแล้วมีสีดำ และมีสีออกเขียวๆ  พระฯท่านก็จะใช้เทียนเคลือบไว้อีกชั้นหนึ่ง  น้ำมนต์ที่ทำเสร็จมักจะมีกลิ่นของเทียนและน้ำตาเทียนเป็นเรื่องปกติ  เมื่อมีน้ำตาเทียนแก้ไขได้ไม่ยาก  ให้นำที่กรองทำการกรองออก  รวมทั้งนำไปต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรคยิ่งทำให้มีความมั่นใจว่าน้ำสะอาดจริง  นำน้ำมนต์ที่ต้มใส่ขวดบรรจุไว้ใส่ตู้เย็นทานเป็นน้ำเย็นสบายชื่นใจ  อีกทั้งเป็นการรักษาโรคภัยไข้ทุกชนิด  ยกเว้นโรคกรรม
- ข้อสำคัญก่อนดื่นน้ำพุทธมนต์ต้องมีความเชื่อ  และอธิฐานจิตบอกกล่าวทุกครั้งเพื่อเป็นการใช้จิตสื่อถึงจิต