พุทโธอัปปมาโน : บารมีและพระคุณของท่าน หาที่สุดมิได้!!!.....
กระทู้ที่ 124 นี้เป็นเรื่องยาวที่จะมาเล่า(คุย)สู่กันฟัง หากท่านใดไม่เชื่อ โปรดได้กรุณาวางเฉย คิดว่า "เคยอ่านพบ หรือเคยได้ยินมา"
เรื่องที่จะเล่านี้ผู้เขียนได้บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้ในสมุดขบันทึกของผู้เขียน ได้สอบถาม ขอพระเบื้องบน...เมตตาสงเคราะห์ว่าจะเขียนลงกระทู้ในบล๊อกฯนี้ดีหรือไม่...ได้รับคำตอบว่าได้ ผู้เขียนจึงเขียนเพื่อให้ทราบว่า "เรื่องนี้ก็มีด้วยนะ" ถ้าไม่เชื่อโปรดวางเฉย... และเพื่อให้คนที่เชื่อในเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ได้มีกำลังใจในการสร้างกรรมดี ลด ละ เว้นจากในเรื่องไม่ดีทั้งหลาย ไม่มีเจตนาโอ้อวดหรือคุยโม้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้มีผู้รู้และอยู่ในเหตุการณ์มากมาย
เรื่องนี้ประกอบด้วยเนื้อเรื่องเหมือนนิยาย 3 ตอน
ตอนที่ 1 มหัศจรรย์แห่งพุทธคุณ
ตอนที่ 2 สนทนาธรรมบอกเล่าเหตุการณ์ล่วงหน้า...
ตอนที่ 3 พุทโธอัปมาโน
บันทึกความจำ วันจันทร์ที่ 5 ก.ย. 2554
ตอนที่ 1 มหัศจรรย์แห่งพุทธคุณ
มีญาติธรรมสองท่าน คนหนึ่งมาจากโคราช อีกคนหนึ่งมาจาก จ.ตาก ได้นัดที่จะมาพบผู้เขียนแต่มีเหตุต้องเลื่อนออกไป 1 สัปดาห์ แล้วได้ทำการนัดใหม่เป็นวันเสาร์ที่ 3 ก.ย. 2554 เพื่อขอพบญาติผู้ใหญ่ในอดีตชาติที่กลับชาติมาเกิด...
ประมาณเวลา 9:33 น.(ดูจากโทรศัพท์ที่ได้โทรพูดคุยกัน)
ดร.นนท์: สวัสดีครับ ด๊อกเตอร์ เวลานี้ผมได้อยู่กับคุณสมบัติที่แถวๆสะพานควาย ขอสอบถามสถานที่นัดที่จะไปพบคุณลุง...จะเดินทางไปพบที่ไหน
ผู้เขียน: จากสะพานควายให้ตรงไป....
ดร.นนท์: ครับๆๆแล้วพบกันตามที่นัดครับดร.นนท์: "เวลา 10:04" ด๊อกเตอร์ ใช่ทางนี้...ใช่ม๊ย
ผู้เขียน: ไปทางนี้...
สมบัติ: (หุ หุ หุ หลงทาง ต่างจังหวัดเข้ากรุง สรุปไปไม่ถูก) ช่วยคุยกับคนขับถึงสถานที่จะไปอยู่ตรงไหน...
ผู้เขียน: รู้จัก วัดสร้อยทองม๊ย
คนขับ : รู้จัก สรุปว่าไปถูก
ผู้เขียน:โล่งออก นึกในใจ สงสัยถูกเท็กซี่พาชมเมือง
เวาลา 10:18 น.
ผู้เขียน: สวัสดีครับ ถึงไหนแล้ว...
สมบัติ: นั่งอยู่ข้างๆ รถตาสามแฉก ด้านข้างสถานที่นัด
---เมื่อผู้เขียนไปถึง ได้พบเห็นทั้งสองท่านนั่งรออยู่ริมรั้วมองมาที่รถผู้เขียน เมื่อผู้เขียนได้ลงมาจากรถกล่าวทักทาย... จึงได้พาไป...กุฏิ(ห้อง)...พบว่ามาเร็วกว่าเจ้าบ้าน...จึงได้นั่งรอ แต่นั่งยังไม่ทันก้นร้อนก็ได้รับเชิญให้เข้าไปนั่งรอในห้องแทน พอเข้าไปในห้องนั่งเข้าที่เข้าทางหยิบวัตถุมงคลขึ้นมาคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน คุยกันกำลังออกรสชาด เจ้าของห้องเดินทางมาถึง ผู้เขียนจึงแนะนำผู้มาเยี่ยมเยื่อนให้รู้จัก สักพักคุณลุง(ญาติผู้ใหญ่ในอดีตชาติ)..พร้อมคุณปิเตอร์เดินทางมาถึง ผู้บันทึกจึงได้กล่าวแนะนำให้รู้จักกันอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งขอให้ญาติธรรมทั้งสองแนะนำตนเองว่าเป็นใครในอดีตชาติและปัจจุบันอยู่ที่ใด ต่างฝ่ายต่างพบเห็นเกิดความปิติยินดีปีดา แรกพบเห็นหน้าคล้ายกับเคยพบเห็นและมีความสนิทที่เคยคบหากันประจำ(แต่จำไม่ได้)
สรุป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เนื้อหากระชับ
- ความแรงของพุทธานุภาพระดับ 150 แรง( เท่า หรือ X, ) ที่ญาติธรรมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่เคยอ่านในบล๊อกฯของผู้เขียน ได้มาพบในพระกรุของวังหน้า(พระปิ่นเกล้า)ในอดีตสืบทอดต่อๆกันมาจนถึงทายาทรุ่นปัจจุบัน
หมายเหตุ ความแรงของพุทธคุณของพระสมเด็จเนื้อผงที่สมเด็จพุฒจารย์โต(วัดระฆัง) อธิฐานจิตทั่วๆไป มีความแรงเทียบค่าเท่ากับ 1 เท่า หรือ 1 X
- ระดับความแรงของพุทธคุณ 150 เท่า ในวันนี้ไม่ได้พบเพียง 1 หรือ 2 องค์ แต่มีมากจนญาติธรรมทั้งสองที่มาจากต่างจังหวัดได้พบเห็นสัมผัสด้วยตนเองแล้วทึ่งในพลังความแรง
- ระดับความแรงของพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเคยเขียนในกระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อผู้เขียนส่งพระสมเด็จเนื้อผงพิมพ์พิเศษด้านหลังฝังพระทนต์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน องค์นี้ไม่ใช่องค์เดิมที่ผู้เขียนเคยนำรูปถ่ายโชร์ แต่เป็นพระทนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า ดร.นนท์ได้สัมผัสและสอบถามและพูดว่า
ดร.นนท์: มีพุทธนุภาพไร้ขีดจำกัด
ผู้เขียน: อาจารย์ช่วยอธิฐานขอพระเบืองบน...ขอชมบารมีดูซิว่าความแรงระดังพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัดเป็นเช่นไร พูดจบ ผู้เขียนสังเกตุสีหน้า ดร.นนท์ กำลังคุ่นคิดว่าจะดีหรือ ของแรงอะไรทำนองนี้ ผู้เขียนจึงพูดต่อว่า ไม่เป็นไร "ขอท่านชมบารมี"
ดร.นนท์:นั่งอธิฐานจิตหลับตาอยู่นานสองนาน
ผู้เขียน: หันไปมองสักพัก จึงน้อมจิตถึงพระเบื้องบน...ช่วยอธิฐานขอพระ...เมตตาสงเคราะห์ให้ญาติธรรมในที่นี้ได้ชมบารมีเพื่อจะได้มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่ออธิฐานจบสักครู่
- ดร.นนท์เริ่มสัมผัสถึงพระพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด พลังอันมหาศาลที่เกิดขึ้นสั้นไหวกระเทือนไปทั้งห้อง มู่ลี่ด้านหลังห้องและด้านหน้าห้องสั่นไหวดังสนั่น
- ผู้บันทึกสัมผัสถึงพลังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากดจนมีนศรีษะ และเมื่อหลังตามองในขณะที่เกิดพลังสั่นไหวพบแสงสว่างสีขาวสว่างทั้งห้อง
***เมื่อได้เวลาอันควร ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกต่างฝ่ายต่างแยกทางกันกลับ
- ในวันนี้ญาติธรรมทั้งสองที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ตกลงว่าในวันรุ่งขึ้น วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554 จะเดินทางไปสนทนาธรรมกับอาจารย์ฯของผู้เขียนเวลาประมาณ 8:30 น. นัดพบกันที่ สถานนี้ตำรวจสุทธิสาร
บันทึกความจำ วันจันทร์ที่ 5 ก.ย. 2554
ตอนที่ 2 สนทนาธรรมบอกเล่าเหตุการณ์ล่วงหน้า...
ประมาณเวลา 8:05 น.(จากข้อมูลในโทรศัพท์ที่ได้พูดคุยกัน) วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554
สมบัติ: สวัสดีครับ...ขณะนี้กำลังเดินทางกำลังติดไฟแดงอยู่แยกสะพานควาย
ผู้เขียน: ครับ สักครู่จะตามไปพบที่ สน.สุทธิสาร...
เวลา 8:29 น.
ผู้เขียน: มาถึงแล้วยัง...อยู่ที่ไหน...
สมบัติ: นั่งอยู่ด้านข้าง สน. บริเวณที่จอดรถ...
***ญาติธรรมทั้งสองท่านขึ้นรถของผู้เขียนเดินทางไป ซอยงามดูพลีตามนัดที่ได้คุยไว้เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2554 ว่าจะไปกราบอาจารย์ฆราวาสธรรมของผู้เขียน มีอายุ 84 ปี เพื่อร่วมฟังการสนทนาธรรม
***ระหว่างทางที่เดินทางผู้เขียนได้กล่าวโดยสรุปว่า ไปถึงท่านเห็นฯ ท่านต้องทราบอย่างแน่นอนว่าญาติธรรมทั้งสองคนที่ไปพบเป็ฯใคร พร้อมทั้งพูดอย่างหนักแน่ว่า "ลองดู" ว่าจริงม๊ย ไปถึงสถานที่ีสนทนาธรรม...ประมาณ 9:00 น.(ลืมดูเวลา)
---ขณะที่อยู่ด้านหน้าของอาจารย์ฯผู้เขียน
อาจารย์ฯผู้เขียน: จ้องหน้ามองคุณสมบัติก่อนที่จะผู้เขียนจะแนะนำ ผู้เขียนพบว่าท่านมองแล้วยิ้มและมองแบบไม่คาดสายตา สักพัก ดร.นนท์ที่ขอตัวเข้าห้องน้ำเข้ามาสบทบ ท่านฯก็จ้องมอง ดร. นนท์สลับคุณสมบัติ
ผู้เขียน: สวัสดีครับอาจารย์...วันนี้ผมได้พาเพื่อน 2 ท่าน เป็นญาติโยมเก่ามาให้รู้จักและมาร่วมฟังสนทนาธรรมด้วยครับ
อาจารย์ฯผู้เขียน: เป็นคนเคยรู้จักกันมาก่อนทั้งนั้น เวียนไหว้เกิดดับมาหลายชาติ (เป็นการยืนยันเรื่องที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่า ท่านฯทราบว่าใครเป็นใคร)
ผู้เขียน: ได้นั่งฟังการสนทนาธรรมในระหว่างฟังการสนทนา ผู้เขียนสัมผัสถึงพลังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากดจนมีนศรีษะเหมือนเมื่อวาน(วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 อีกครั้งหนึ่ง) จึงโน้มจิตสอบถามพระเบื้องบน...สรุปว่าใช่ จึงได้บอกกับคุณสมบัติว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน(TOP4)เสด็จมา ในเวลาไล่ๆกัน คุณสมบัติได้สอบถามสนทนาธรรมกับ อาจารย์ฯผู้เขียน 2 ครั้ง ผู้เขียนได้ฟังกล่าวได้ว่าท่านตอบปัญหาธรรมได้ตรงประเด็นและเข้าใจได้ง่าย บริเวณลานบ้านที่สนทนาธรรมมีญาติธรรมมาวันนี้มากหน้าหลายตามีเกือบร้อยคน การสนทนาธรรมที่ทำให้หลุดพ้นมีลักษณะพูดคุยผสมแนวคิด ผู้ฟังๆได้สาระของธรรมฯและมีเสียงหัวเราะปิติเป็นระยะๆ
ญาติธรรมที่มาร่วมฟังการสนทนาธรรม |
อาจารย์ฯผู้เขียน: ช่วงหนึ่งกล่าวสรุป "ธรรมเป็นสิ่งสมมุติ" เมื่อถึงแล้วจะรู้เอง เช่น ถ้าจะไปวัดระฆัง ไปนั่งเรือจากท่าพระจันทร์เพื่อเดินทางไปวัดระฆัง เมื่อขึ้นเรือ เรือเหมือนกับพระธรรมนำพาเราไปให้ถึงฝั่ง เมื่อถึงฝั่งแล้วมีใครแบกเรือเอาไปด้วย เมื่อถึงแล้วจะรู้เอง...
***ขณะที่พักเที่ยงได้สนทนากันในกลุ่มรวมทั้งผู้ตามมาภายหลังรวม 4 คน สรุปว่าหลวงพ่อฤษี และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้มาร่วมในการสนทนาธรรมครั้งนี้ ท่านได้อยู่จนถึงพักเที่ยวแล้วก็เสด็จกลับ ที่ผมสัมผัสได้เพราะอาการกดศรีษะทำให้คล้ายกับมึนหัวได้หายเป็นปกติ
ตอนที่ 3 พุทโธอัปมาโน
เมื่อรัปทานอาหารเสร็จตกลงกันว่าจะไปที่ ม.ธรรมศาสตร์ โดยคุณสมบัตินั่งรถไปกับญาติธรรมที่มาใหม่และ ดร.นนท์นั่งรถไปกับผม โดยผมเป็นผู้ขับรถนำคันหลังตาม ตลอดทางผมสังเกตุเห็นว่ารถอีกคันได้ตามมาตลอด แต่เมื่อผู้เขียนได้ขับเข้ามาใน ม.ธรรมศาสตร์จอดรถเป็นที่เรียบร้อย
สมบัติ: อาจารย์ไปไหน ทำไมไม่เลี้ยวซ้ายผู้เขียน: "เริ่มงง" ตอบกลับไปว่า ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วอยู่ด้านหน้าธรรมศาสตร์แล้วคุณจอดอยู่ตรงไหน
สมบัติ: อ้าว...ตามรถมาผิดคัน ไม่ได้มาวัดระฆังหรือ?
ผู้เขียน: ไปทำไมวัดระฆัง ก็ไหนว่ามีญาติธรรมมานัดกันที่ ม.ธรรมศาสตร์ กลับรถมาเลย จอดที่ ม.ธรรมศาสตร์
สมบัติ: มีคุณสัน...ได้มารอที่ร้าน...
ผู้เขียน: ผมไม่รู้จัก ช่วยโทรฯบอกให้มาที่ศาลาที่ข้างสนามหญ้า ม.ธรรมศาสตร์ให้หน่อยและก็กลับรถมาที่ธรรมศาสตร์
สมบัติ: ครับ
***วันนี้มาถึง ม.ธรรมศาสตร์ ผู้เขียนเองไม่ได้ตากแดดมา แต่มีอาการมึนหนักศรีษะเป็นอย่างมาก ได้บอกให้ ดร.นนท์รออยู่ใน ม.ธรรมศาสตร์ ผู้เขียนจะไปรับพระที่ได้นัดไว้ 10 องค์ อีกสักครู่จะกลับมา ผู้เขียนได้ไปรับพระกริ่งจำนวน 10 องค์มามีอาการมึนศรีษะอย่างแรงมากกว่าเดิม เพราะจากการสอบถามเบื้องต้นจากพระเบื้องบนพระกริ่งเหล่านี้มีพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด เมื่อมาถึงที่ญาติธรรมนั่งคุยกัน ผู้เขียนสังเกตุเห็นว่ามีจำนวนทั้งหมด 9 คนรวมทั้งผู้เขียน พร้อมทั้งนำพระกริ่งวางไว้บนโต๊ะแล้วส่งให้ ดร.นนท์ 1 องค์สอบถามว่า พระกริ่งชุดนี้มีพุทธนุภาพเหมือนกันหมด อาจารย์ช่วยสอบถามพระ...ซิว่ามีพลังกี่แรง ( X )
ดร.นนท์: รับพระฯแล้วหลับตาอธิฐานอยู่พักหนึ่งลืมตาขึ้น ทำตาโตพูดว่า "พลังไร้ขีดจำกัด" ทีนี้คนรอบข้างต่างสนใจขึ้นมาทันที ในทำนอง "โอโหพระกริ่งอะไรแรงขนาดนี้"
ผู้เขียน: ใช้ไม่ผิด พลังไร้ขีดจำกัดมีเพียง 10 องค์ ผู้เขียนเห็นแต่ละคนหันมาสนใจกันหมด จึงพูดว่า "เดี๋ยวจะเล่นปาหี่ให้ดู" ใครเข้าก็ดี ไม่เชื่อก็เฉยๆไว้ มาดูว่าใครเคยเป็นเจ้าของพระกริ่งเหล่านี้ หรือ เคยร่วมทำบุญสร้างกันมาบ้าง? ผู้เขียนจึงทำการสอบถามชื่อและถามเพิ่มว่าอดีตตนเองเป็นใครเคยมีใครเล่าให้หรือคุยให้ฟังบ้าง? สรุปครั้งนี้ มีผู้ได้ไป 5 องค์
***เมื่อเสร็จจากพูดคุยกัน ตกลงมีคนบอกว่าจะไปวัดระฆัง ผู้เขียนจึงกล่าวว่า จะเดินทางไปทำไม ใช้มโน(นึก)ว่าเราเข้าไปในโบสถ์แล้วก็กราบพระในโบสถ์ ผมนึกนี้ก็กลับมาแล้ว สรุปทั้งกลุ่มจะเดิมทางไปไหว้พระที่วัดระฆัง ผู้เขียนนึกขึ้นได้ว่าจะไปสอบถามดูที่ตั้งโต๊ะประรำพิธีของสมเด็จโตอยู่บริเวณใด จึงไปตอบไปว่า "อ้าวไปเป็นเพื่อนด้วย"
***เริ่มเดินทางทางเรือ จากท่าพระจันทร์ไปขึ้นที่ท่าเรือศิริราชโดยเดินเท้าต่อเลี้ยวซ้ายไปที่วัดระฆัง เมื่อใกล้จะถึงวัดระฆังประมาณ 100 เมตร
ดร.นนท์: พระเบื้องบน...ท่านมารอรับพวกเราที่วัด
ผู้เขียน: ระหว่างทางมึนศรีษะตลอดทางในใจคิดว่าเป็นพระกริ่งพลังไร้ขีดจำกัด แต่พอได้รับคำพูดของ ดร.นนท์ ทำให้ได้รับพลังกดศรีษะอาการมึนศรีษะยิ่งมากกว่าเดิม ทำให้สัมผัสได้ว่ามีพระเบื้องบนมารอรับ จึงกล่าวไปว่า "ใช่มีพระเบื้องบนมารออยู่ที่วัดระฆัง อาการมีศรีษะมึนมากกว่าเดิม" เมื่อเข้าประตูวัด ผู้เขียนเห็นเจดีย์ทางซ้ายมือจึงฉุดนึกขึ้นได้ว่า ปูโตอยู่ที่วัดระฆังต้องมีเถ้ากระดูกของท่านอยู่ที่นี่ จึงได้หยุดเดินหลับข้างประตูสอบถามพระ...ว่า...เถ้ากระดูกหลวงปู่โตอยู่ที่ไหน...ซ้ายมือหรือขวามือ สรุปอยู่ซ้ายมือ ผู้เขียนได้มองหา ดร.นนท์เมื่อพบแล้วจึงบอกว่า อาจารย์มาทางนี้ พาออกไปทางขวามือเดินวนหนึ่งรอบด้วยอาการมึนศรีษะอย่างแรง ระหว่างทางก็ชวน ดร.นนท์ให้สอบถามว่า อยู่เจดีย์องค์ไหน ถามไปไม่ใช่ทั้งหมด จนกระทั้งวนกลับมาครบ 1 รอบ ผู้เขียนเห็นเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ด้านหน้าจึงได้สอบถามพระ...ทราบว่าอยู่เจดีย์หลังใหญ่ จึงบอกกับ ดร.นนท์ว่า "อาจารย์เจดีย์องค์ใหญ่ สอะถามดูไม่ผิด" ผู้เขียนเห็น ดร.นนท์หลับตา จึงได้มองไปที่เจดีย์องค์ใหญ่เห็นด้านบนมีเป็นชั้นๆ จึงได้สอบถามจากชั้นที่อยู่ด้านบนว่า ชั้นที่ 1 ใช่หรือไม่? สอบถามไปถึงชั้นที่ 4 ได้รับคำตอบว่าเถ้ากระดูกของหลวงปู่โตอยู่ที่ชั้นนี้ จึงหันมาจะบอก ดร.นนท์
ดร.นนท์: กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า "ใช่อยู่เจดีย์ข้างหน้า"
ผู้เขียน: อาจารย์สอบถามดูว่าตรงกันม๊ย ชั้นที่ 4 นับจากชั้นบนขี้นไป 1 ,2 ,3 และก็อยู่บนชั้นที่ 4 นับขึ้นไปชั้นบนเป็นชั้นที่ 6
ดร.นนท์: ใช่ชั้นที่ 4 พระสังฆราชศรีและหลวงปู่โตอยู่ตรงกลางของชั้นนี้
ผู้เขียน: เมื่อข้อมูลยืนยันไม่ผิดแน่นอน จึงได้เรียกอีก 6 คนที่มาด้วยกัน บอกต่อๆกันไปว่า พระสังฆราชศรีและหลวงปู่โตอยู่ชั้นที่ 4 ให้ใช้วิธีโน้มจิตแล้วนึกว่าเราลอยขึ้นไปกราบท่านข้างบน
ผู้เขียน: จึงโน้มจิตขึ้นไปกราบเบื้องบนชั้นที่ 4 แล้วมองเห็นเป็นสีเหลืองเต็มไปหมดสุดลูกตา เมื่ออธิฐานกันเป็นที่พอใจแล้ว มีหลายคนจะไปห้องน้ำ ผู้เขียนจึงอยากจะไปบ้าง แต่พอมองไปทางห้องน้ำกลับพบว่านอกรั้วของวัดระฆังเป็นพื้นที่ของโรงเรียน... และทราบมาก่อนหน้านี้ว่า ปูโตได้ตั้งประรำพิธีอธิฐานจิตเชิญ(เรียก)เหล็กไหลมาทางอากาศที่บริเวณนี้ เมื่อออกนอกรั้วจึงสอบถามพระเบื้องบนไปหลายตำแหน่ง ผลสุดท้ายทำให้ทราบว่า อยู่ทางเดินไปห้องน้ำด้านข้างอาคารหนึ่งหนึ่ง บริเวณใกล้กับตู้โทรศัพท์ ดังรูป
***เมื่อทำธุระเข้าห้องน้ำเสร็จ ดร.นนท์ชวนรวมพล จะอธิฐานขอพระ...เมตตาสงเคราะห์คณะญาติธรรม ให้มารวมตัวกันบริเวณด้านข้างรั้ววัดระฆัง ด้านหน้าเจดีย์องค์ใหญ่ เวลาประมาณ15:30-16:00 น.
บริเวณด้านหน้านอกรั้วที่เป็นจุดรวมพล |
***ผู้เขียนยืนอยู่ซ้ายมือสุด ดร.นนท์ยืนอยู่ขวามือผู้เขียน และคุณสมบัติยืนต่อจาก ดร.นนท์ และญาติธรรมยืนอยู่บริเวณซ้ายมือถัดไปและยืนอยู่บริเวณด้านหลัง กระจัดกระจายตามพื้นที่ทำเลที่ตนเองชอบใจ
***ผู้เขียนได้อาราธนาบารมีพระเบื้องบน พร้อมทั้งขอพระท่านเมตตาสงเคราะห์ให้คณะญาติธรรมมีความคร่องตัวทุกประการ เพื่อเป็นประจัยให้เข้าสู่พระนิพพาน... ในขณะที่อธิฐานได้มองเห็นสีเหลืองเต็มไปหมด(ไม่ได้นึกอะไร...ฉลาดไปหมดครั้งที่ 2) และสึกอึดใจจากสีเหลืองที่เห็นเปลี่ยนเป็นสีขาวแสงสว่างมากแบบแสงนีออน ขาวไปทั่วบริเวณมองอะไรไม่เห็น หูได้ยินเสียงคุยกันดังจากคณะญาติธรรม สักครู่แสงสีขวาหายไป ผู้เขียนจึงลืมตาขึ้นหันมองไปทางญาติธรรมที่เดินทางมาด้วยกันแล้วนึ่กในใจ "นี่ละหนามนุษย์"
ดร.นนท์: เมื่อกี้นี้ขณะที่อธิฐานมองเห็นแสงสีแดงเป็นวงแล้วหมุนเป็นวงแล้วก็เปลี่ยนสี จนสุดท้ายเห็นเป็นสีขาวทั้งหมดหนามากจนมองอะไรไม่เห็น คนที่มาวัดระฆังในวันนี้นับว่าโชคดีโดยไม่รู้ตัว อย่างช้าจะเข้าพระนิพพานในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย
สมบัติ: ขณะที่หลับตามองเห็นวงกลมเป็นแสงสีแดงหมุนๆแล้วก็เปลี่ยนสีเช่นกัน
***เมื่่อเหมาะสมกับเวลา จึงได้เดินทางกลับ ก่อนจะออกจากประตูวัดระฆังเพื่อไปที่ท่าเรือ ผู้คนที่เดินอยู่ด้านหน้าหยุดเดิน ทำให้ผู้เขียนต้องหยุดเดินไปด้วยเช่นกัน มองไปทางประตูเห็นพระสงฆ์อายุน้อยเดินนำเข้ามามีหลายองค์ ผู้เขียนได้ยกมือไหว้ พระสงฆ์ที่อยู่แถวหน้าเดินผ่านไปปกติ พอมาถึงสององค์สุดท้ายพอผู้เขียนยกมือไหว้ ท่านรีบยกมือไหว้ตอบ พร้อมทั้งเดินก้มตัวลง ทำให้ผู้เขียนงง อยู่นานสองนาน ภายหลังได้สอบถามพระเบื้องบน ทำให้ทราบว่า พระสงฆ์ทั้งสองรูปได้ไหว้พระเบื้องบนที่ปกติผู้เขียนมักจะอาราธนาขอพระท่านเมตตาสงเคราะห์คุมกาย คุมจิต และคุมกระหม่อม
***นั่งรถจากวัดระฆังกลับมาที่ท่าเรือมหาราช ระหว่างทางเดินกลับมีแผงพระฯมากมายวางเรียงรายกัน ผู้เขียนมั่วแต่มองหาพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมว่่ามีหรือไม่? จึงไม่ได้สนใจวัตถุมงคลอื่นๆ ขณะที่เดินนำไปก่อนหมู่คณะญาติธรรม มีญาติธรรมท่านหนึ่งบอกว่า ดร.นนท์เรียกหา
ผู้เขียน: เห็น ดร.นนท์กำลังหยิบวัตถุมงคลขึ้นมาสอบถามแล้วทำหน้าตื่นๆ
ดร.นนท์: วัตถุมงคลชิ้นนี้มีความแรงพุทธคุณไร้ขีดจำกัด
ผู้เขียน: มองแล้วพูดว่า "อะไรเป็นไปไม่ได้"
ดร.นนท์: ทั้งหมดที่มีไม่ว่าจะเป็นพระฯหรืออะไร มีพลังไร้ขีดจำกัดทั้งหมด
ผู้เขียน: นึกในใจ "เกิดอะไรขึ้น" ได้ทดสอบหยิบจับ วัตถุมงคลทั้งของตนเองและผู้อื่น ล้วนมีพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด ซึ่งแปลกมากที่ดั่งเดิมพลังมีน้อยกว่านี้ เช่น 32, 62, 150 เท่า แต่กลับกลายเป็นพลังไร้ขีดจำกัด
ดร.นนท์: พูดขึ้นว่าพระเบื้องบนทำให้ น่าจะตอนที่อยู่วัดระฆัง
ผู้เขียน: เมื่อเดินทางกลับมาถึงที่รถที่ได้จอดอยู่ใน ม.ธรรมศาสตร์
---เข้าไปในรถหยิบพระเครื่องฯต่างๆที่สมเด็จโตอธิฐานจิตล้วนแล้วแต่มีพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัดทั้งสิ้น จึงได้โน้มจิตถึงพระเบื้องบน...สรุปพระท่านทำให้
---เกิดความสงสัยว่าถ้าเช่นนั้น ตลาดพระที่ท่าพระจันทร์หากเป็นพระที่สมเด็จโตอธิฐานจิตก็มีพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด จึงได้สอบถามพระเบื้องบน...สรุปว่าไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม
---จึงสอบถามไปว่าพระฯของญาติธรรมอีก 5 คนที่ร่วมเดินทางไปที่วัดระฆังก็มีพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัดใช่หรือไม่ สรุปว่าเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
ภายหลังสอบถามพระเบื้องบนขอพระท่านเมตตาสงเคราะห์ สรุปได้ดังต่อไปนี้
- สิ่งที่ได้พบภายหลังกลับจากวัดระฆัง วัตถุมงคลที่อธิฐานโดยสมเด็จโต ไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคลลักษณะใดสร้างในวาระอะไร จากอดีตที่เคยสอบถามมีตั้งแต่ 1X ไปถึง 150X วัตถุมงคลที่ครอบครองโดยผู้เขียน ดร.นนท์ และคุณสมบัติ ทั้งหมดมีพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด เกิดจากพระเบื้องบนได้เปิดล๊อกวัตถุมงคลที่ได้ปิดล๊อคไว้เฉพาะ 3 คนเท่านั้น
- เวลา 18:00 น. เพลงชาติดังขึ้น ยามลดธงชาติที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ลง ผู้เขียนนึกขึ้นได้ว่า โอ้บรรพบุรุษไทย จึงได้อธิฐานอุทิศส่วนกุศล หูได้ยินเสียงดังไปหมด ภายหลังคุณสมบัติบอกว่า ขณะที่ยืนเคารพธงชาติได้ยินเสียแว่วมาว่า "พรที่ได้รับไม่ได้ให้ไ้ว้เพื่อตนเอง แต่มีไว้เพื่อใช้สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น" ผู้เขียนจึงได้สอบถามพระเบื้องบนทันที...สรุป ใช่ ผู้ที่ได้รับพรนี้มีเพียง 3 คนคือ ผู้เขียน ดร.นนท์ และคุณสมบัติ ส่วนญาติธรรมที่เดินทางไปด้วย 5 ท่านไม่ได้รับ
- พรที่ว่านี้ ณ เวลานี้ยังไม่ทราบลายละเอียดมากนัก แต่ที่ทราบคือ ถ้าหากเป็นวัตถุมงคลที่อธิฐานโดยสมเด็จโต หากคนหนึ่งคนใดใน 3 คนนี้สัมผัสและตั้งใจ วัตถุมงคลดังกล่าวจะมีพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด
+++ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ อาจารย์(ฆารวาส)ของผู้เขียนได้กล่าวไ้ว้ล่วงหน้าในช่วงเช้า เกี่ยวกับการสนทนาธรรมนั่งจากท่าพระจันทร์ไปที่วัดระฆัง ถึงแล้วจะรู้เอง
+++ ก่อนหน้านี้มีญาติธรรมนำวัตถุมงคลมาให้ผู้เขียนตรวจสอบสัมผัส และหลายท่านได้รับพระฯจากผู้เขียน ก่อนหน้าวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554 มีพุทธานุภาพเท่าเดิม เพราะยังไม่ได้รับพรจากพระเบื้องบน